จากกรณี น.ส.กรกมล หลีนวรัตน์ "น้องแอ๋ม" อายุ 25 ปี นศ.สาวปริญญาโทรัฐบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกฆ่าตายพร้อมเพื่อนสนิท เสียชีวิตภายในอพาร์ตเมนต์ที่รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กของ นายปภาวิน หลีนวรัตน์ หรือ เฮียย้ง อดีต รองนายกเทศมนตรี ทต.ธัญบุรี และเป็นหลานของนายกฤษฎา หลีเนาวัรตน์ นายกเทศมนตรี ทต.ธัญบุรี และเป็นน้องสาวของนายวีระศักดิ์ หลีนวรัตน์ สจ.ปทุมธานี
ล่าสุดได้รับการเปิดเผยจาก นายวีระศักดิ์ หลีนวรัตน์ พี่ชายน้องแอ๋ม กล่าวเปิดเผยทางโทรศัพท์แจ้งว่า ขณะนี้ทางครอบครัวทุกคนอยู่ในความเสียใจเป็นอยากมาก โดยเฉพาะคุณพ่อยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งคุณพ่อมีสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง ซึ่งขณะนี้ตนเองและญาติๆ ดูแลกันอย่างใกล้ชิด จึงไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้
ส่วนเรื่องการดำเนินการเกี่ยวกับคดีในต่างประเทศ ทางครอบครัวที่ประเทศไทย ไม่สามารถเดินทางไปได้ จึงให้คุณพ่อนำเอกสารหลักฐานเข้าพบเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อทำเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการมอบอำนาจให้กับน้องสาวของพ่อที่อาศัยอยู่ในประเทศอเมริกา ให้เดินเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับน้องแอ๋มกับเจ้าหน้าที่ที่ประเทศอเมริกา และเพื่อดำเนินการเดินเรื่องเกี่ยวกับการส่งศพน้องจากต่างประเทศ ส่งกลับเมืองไทย เพื่อนำมาประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศไทยต่อไป
นายวีระศักดิ์ฯ พี่ชายน้องแอ๋มกล่าวเปิดเผยอีกว่า และในส่วนกระแสข่าวที่ว่าน้องแอ๋มมีการติดต่อกับทางญาติว่าเกิดความไม่ปลอดภัยนั้น ไม่เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด ซึ่งอพาตเม้นต์ที่พักอาศัยอยู่ก็มีระบบความปลอดภัยที่ดี คนนอกไม่สามารถเข้าไปภายในได้ โดยน้องแอ๋มก็ไม่ได้บอกเรื่องไม่ปลอดภัยใดใด มีการติดต่อคุยกับทางครอบครัว และติดต่อคุยกับแฟนหนุ่มที่อยู่ประเทศไทยตามปกติทุกวัน กระทั่งช่วงเช้าวันเสาร์ตามเวลาต่างประเทศ ยังโทรศัพท์คุยกับแฟนหนุ่มเป็นปกติ และในช่วงบ่ายวันเสาร์น้องแอ๋มมีนัดกับเพื่อนๆไว้ แต่ก็ไม่ได้ไป และช่วงเย็นต้องไปทำงานที่ร้านอาหาร น้องแอ๋มก็ไม่ได้ไป และขาดการติดต่อกับเพื่อนๆ ทางครอบครัวจึงเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น กระทั่งวันอาทิตย์จึงได้ให้เพื่อนเข้าไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประเทศอเมริกา และได้ประสานเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆกับอพาตเม้นต์ให้ไปสอบถามที่อพาตเม้น แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปภายในได้ กระทั่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่อพาตเม้นและสามารถเข้าไปตรวจสอบภายในห้องพักได้ ก็พบว่าน้องแอ๋มและเพื่อนเสียชีวิตแล้ว ทางครอบครัวที่ประเทศไทยจึงได้ประสานญาติที่อยู่ต่างประเทศแต่อยู่คนละรัฐให้มาในที่เกิดเหตุ
ส่วนในเรื่องของสาเหตุการเสียชีวิต ทางครอบครัวยังไม่ทราบเรื่องที่แน่ชัด ต้องรอการติดต่อกลับมาจากทางญาติที่ต่างประเทศเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฯ ซึ่งทางญาติที่อยู่ต่างประเทศก็จะสามารถเข้าไปติดต่อได้หลังจากได้หนังสือมอบอำนาจของพ่อจากเมืองไทยเช่นกัน จึงจะพอทราบเรื่องเกี่ยวกับคดีทั้งหมดได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม