บิ๊กโจ๊ก บุกยึดทรัพย์เครือข่าย 'พล.ต.ต.สุทิพย์' อดีต ผบก.เลย โกงเงินลูกน้อง 240 ล้านบาท
logo ข่าวอัพเดท

บิ๊กโจ๊ก บุกยึดทรัพย์เครือข่าย 'พล.ต.ต.สุทิพย์' อดีต ผบก.เลย โกงเงินลูกน้อง 240 ล้านบาท

ข่าวอัพเดท : พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นำกำลังตำรวจ ทหารกว่า 300 นาย บุกยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การป้องกันแล อดีตผบก.เลย,สุรเชษฐ์,รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว,บุกยึดทรัพย์

5,470 ครั้ง
|
04 ก.ย. 2561
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นำกำลังตำรวจ ทหารกว่า 300 นาย บุกยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เครือข่ายพล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติฉ้อโกงประชาชน
 
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 4 กันยายน 2561 ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมกันปล่อยแถวกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กว่า 300 นาย เปิดปฏิบัติการขุดรากถอนโคนอาชญากรรมทำบ้านเมืองน่าอยู่ จังหวัดขอนแก่น โดยแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกเป็น 6 ชุด ลงพื้นที่หมู่บ้านจัดสรร เลียบบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น และที่บ้านโนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น เพื่อทำการตรวจค้นและยึด อายัดทรัพย์ ของผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ในเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จังหวัดหนองบัวลำภูและจังหวัดเลย ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
 
โดยขณะปล่อยแถวก็มี นางวรวีร์ โพธิ์ศรี ภรรยา อายุ 58 ปี ภรรยา ร.ต.อ.สมเผ่า โพธิ์ศรี อายุ 60 ปี รอง สว.ป.สภ.ปากชม จ.เลย หนึ่งในเหยื่อที่เข้าร่วมโครงการบริหารหนี้ฯ ของอดีต ผบก.ภ.จว.เลย เกิดความเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก หามส่ง รพ.เลย และได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา พร้อมนายตำรวจจาก จ.เลย อีก 15 นาย เข้าร้องขอความช่วยเหลือต่อพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กรณีที่ถูก พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช อดีต รอง ผบช.สกพ. และอดีต ผบก.ภ.จว.เลย กับพวก ชักชวนเข้าร่วมโครงการบริหารหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย จนกลายเป็นหนี้สิน จำนวนมาก ซึ่งเมื่อสามีเสียชีวิตก็ไม่มีรายได้มาใช้จ่ายในครอบครัว ขณะนี้ก็ยังไม่ผาศพของสามีด้วย รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รับปากว่า จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จากนั้นทั้งหมดก็เดินทางกลับทันที
 
ในเวลาต่อมากำลังเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้น ยึด และอายัดทรัพย์ บ้านและทรัพย์สินของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.เลย จากกรณีการทุจริตโครงการรวมหนี้และบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธร จ.เลย โดยมีข้าราชการตำรวจ ภ.จว.เลย เสียหาย รวม 196 ราย คิดเป็นเงินรวม 240 ล้านบาท รวมถึงคดีแชร์ลูกโซ่ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูและจังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท
 
จากการเข้าตรวจค้นในจุดแรก กำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น ยึดอายัดบ้าน 3 หลัง เลขที่999/35, 999/36, และ 999/37 ภายในหมู่บ้านบุราสิริ ริมบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบนายเกรียงไกร เกตพิบูลย์ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นคนที่มีความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 999/37 จึงได้แสดงหมายค้น เข้าตรวจค้น ยึดอายัดทรัพย์สินในบ้าน มีทั้งทีวี ตู้เย็น แอร์ เครื่องซักผ้า และเอกสารต่างๆ รวมถึงรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อBMW สีขาวทะเบียน ขก-2772 ขอนแก่นอีกจำนวน 1 คันพร้อมบ้านหลังดังกล่าวด้วย
 
นอกจากนี้กำลังเจ้าหน้าที่ยังได้ไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 365 ม.6 บ้านโนนสมบูรณ์ ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นของบิดาภรรยาของนายเกรียงไกร ซึ่งก็พบ นางสาว เสาวลักษณ์ แสนเจ๊ก อายุ 24 ปี ภรรยานายเกรียงไกร พักอยู่ในบ้านด้วย เจ้าหน้าที่ได้ยึดอายัด รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ มาสด้า 3 สีแดง ทะเบียน ขก-7100 ขอนแก่น จำนวน 1 คัน และรถจักรยานยนต์ PCX สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 1 กพ 1524 ขอนแก่น พร้อมทั้งได้เชิญตัวมาสอบปากคำ
 
จากการสอบปากคำในเบื้องต้น นางสาวเสาวลักษณ์ ให้การว่า เป็นภรรยาของนายอาร์ตหรือเกรียงไกร จริง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการชักชวนผู้อื่นเอาเงินมาร่วมทุนเล่นหุ้นด้วย เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วงที่นายเกรียงไกรคบหากับนางนุช หรือ นางธิญาดา แต่ทราบว่ามีการแบ่งผลประโยชน์ให้แก่ผู้ร่วมลงทุนด้วย และทราบว่าทั้งนางนุชและนายอาร์ตรู้จักกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ เพราะนายอาร์ตเคยเอาข้อความที่คุยกันทางไลน์กับอดีตผู้การสุทิพย์มาให้อ่าน เมื่อเห็นสิ่งที่สามีทำ คิดว่าได้เงิน จึงนำเงินสดส่วนตัวร่วมลงทุนกับสามี เริมต้นจาก เงิน 4 แสนบาท ซึ่งก็ได้เงินปันผลอาทิตย์ละ 3% เมื่อได้เงินมาก็ไม่ได้ถอนออกมาใช้ แต่ได้นำเงินสด สมทบเพิ่มทุนขึ้นไปเรื่อยๆ ญาติพี่น้องเห็นว่ามีรายได้ดี ก็นำเงินมาร่วมทุนด้วย รวมแล้ว 14 ล้านบาท กระทั่งเดือน กรกฎาคม 2560 รายได้ก็ชะงักจนถึงปัจจุบันและเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย โดยสามีได้นำเงินไปซื้อบ้าน 3 หลังด้วยเงินสด ที่หมู่บ้านบุราสิริ ริมบึงหนองโคตร โดยบ้านเลขที่ 999/35 ซื้อด้วยเงินสดในนามชื่อของมารดา ในราคา 5 ล้านบาท ส่วนเลขที่ 36 ซื้อในชื่อของภรรยา ด้วยเงินสด 6 ล้านบ้าน และเลขที่ 37นายเกรียงไกร ซื้อเป็นชื่อตัวเองในราคา 6 ล้านบาท แล้วมีการต่อเติมบ้านเลขที่ 36 และเลขที่ 37 เชื่อมต่อก่อน ส่วนบ้านเลขที่ 35 ที่ซื้อในชื่อของมารดานั้น ปัจจุบันมีการขายฝากให้กับบุคคลอื่นแล้ว
 
ภายหลังตรวจค้น ยึด อายัดทรัพย์สินของนายเกรียงไกรแล้ว พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เจ้าหน้าที่สนธิกำลังกันเพื่อเข้าตรวจสอบ ยึด อายัดทรัพย์ เพื่อตรวจสอบอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 พร้อมกัน รวม 12 จุด คือ ในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี อุดรธานี เชียงใหม่และจังหวัดขอนแก่น ในส่วนของจังหวัดขอนแก่นนั้น ยึดอายัดบ้านรวม 6 หลังพร้อมเอกสารและทรัพย์สินอื่นๆอีกหลายรายการ ทุกจุดยึดอายัดตามอำนาจของพนักงานสอบสวน จากนั้นก็จะดำเนินการตามอำนาจของ ปปง.
 
ทุกจุดมีความเชื่อมโยงกัน ที่ ปปง. มีการตรวจสอบที่มาที่ไปของเส้นทางการเงินจากบุคคลคนเดียวกันซึ่งอดีตเป็นนิติกรของศาลจังหวัดเชียงใหม่ และย้ายมาที่จังหวัดขอนแก่ ก่อนจะลาออกมาชักชวนประชาชนร่วมลงทุน โดยพบว่ามีเงินสดหมุนเวียนในบัญชีจำนวน 15 ล้านบาท บุคคลที่ถูกตรวจค้นและยุดอายัดทรัพย์ในครั้งนี้เกี่ยวพันกับความเดือดร้อนของประชาชนและตำรวจที่จังหวัดเลยด้วย เมื่อยึดอายัดทรัพย์มาแล้วก็จะมีการนำทรัพย์ไปเฉลี่ยเป็นเงิน เพื่อนำเงินมาคืนให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของบุคคลเหล่านี้ นอกจากนี้ยังจะขยายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 10 กว่าราย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่จะถูกยึด และอายัดจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวกว่า 100 ล้านบาท