วันนี้ (30 ส.ค.61) สน.บางยี่ขัน พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 และ พล.ต.กฤษณ์ดนัย อิทธิมณฑล เสนาธิการ กองทัพภาคที่ 1 พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ และทีมพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน เรียกตัว นางรัชนก แซ่ลิ้ม แม่ของ พลทหารบุญฤทธิ์ เอี่ยมสิริลักษณ์ หรือเก่ง อายุ 21 ปี สังกัดกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ 1 กองทัพภาคที่ 1 ซึ่งถูกแทงเสียชีวิตในสถานบันเทิง ย่านปิ่นเกล้า เมื่อช่วงเที่ยงคืนวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา เข้าพบเพื่อยืนยันความคืบหน้าทางคดีที่ลูกชายถูกเพื่อนทหารสังกัดเดียวกันแทงตายและแม่ผู้เสียหายเกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม
พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างคู่กรณีที่เป็นทหารทั้ง 2 ฝ่าย โดยจะต้องประสานทหารพระธรรมนูญเข้าร่วมฟังการสอบสวนทุกครั้ง และที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ 1 ราย จากนั้นเมื่อมีพยานหลักฐานไปถึงผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 ราย ก็ประสานทหารพระธรรมนูญไป นำตัวมามอบให้
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยอมรับสารภาพจึงแจ้งข้อกล่าวหาสูงสุดคือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย นำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุและฝากขังศาลทหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยืนยันทุกฝ่ายทำคดีด้วยความเป็นธรรม สอบปากคำผู้จัดการร้าน เด็กเสิร์ฟ และผู้เห็นเหตุการณ์เอาไว้ทั้งหมด ส่วนหลักฐานที่มีอยู่ทั้งคลิปที่มีพลเมืองดีส่งให้แม่ผู้เสียชีวิตก็จะนำมาประกอบสำนวนคดี สำหรับกล้องวงจรปิดในร้านที่ตรวจพบว่าชำรุด ได้ดำเนินการตรวจยึดฮาร์ดดิสก์มาไว้เป็นที่เรียบร้อยส่วนผู้ก่อเหตุเพิ่มเติมที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีมากกว่า 2 คนนั้น จะต้องดูองค์ประกอบว่าหลักฐานต่างๆ เชื่อมโยงไปถึงหรือไม่ หากตรวจพบว่าใครกระทำความผิดก็จะประสานทางทหารพระธรรมนูญให้นำตัวมามอบกับพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามทางแม่ผู้เสียชีวิตและทนายความนั้น ได้เข้ามาให้ข้อมูลว่าหลังจากนี้เกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงได้ให้ นางรัชนก เขียนคำร้องเอาไว้และจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความปลอดภัยให้ และจะติดตั้งตู้แดงไว้ให้สายตรวจไปตรวจตราตามวงรอ ส่วนความกังวลใจคดีนี้ได้แต่งตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นมาทำโดยเฉพาะร่วมกับทางทหารพระธรรมนูญแล้ว และอยู่ระหว่างการเร่งรัดขอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์
ด้าน นางรัชนก แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตอนนี้รู้สึกมั่นใจขึ้นว่าจะได้รับความยุติธรรมเนื่องจากทางผู้บังคับบัญชาของตำรวจและทหาร ลงมาดูแลคดีด้วยตนเอง แต่อย่างไรก็ตามจะยังไม่เผาศพลูกชายจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ซึ่งศพก็จะนำฝากไว้ในโลงเย็นของวัดบางยี่ขัน แม้จะต้องกู้เงินมาเช่าโลงเย็นด้วยราคาวันละ 1,200 บาท ก็จะรอความยุติธรรม คดีนี้หลังเกิดเหตุใหม่ๆ มีนายทหารยศนายพันท่านหนึ่งพยายามโทรศัพท์มาเจรจากับตน โดยอ้างว่า ทางผู้ก่อเหตุก็เป็นคนยากจนเช่นกัน จึงอยากหยิบยื่นเงินสดช่วยเหลือเบื้องต้นให้ จำนวน 200,000 บาท ทีแรกก็เกือบจะรับเอาไว้ แต่คู่กรณีผิดนัดไม่มาพบตน ประกอบกับเมื่อตนเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ก็โทรศัพท์มาต่อว่า หาว่าตนมาฟ้องตำรวจและเตรียมตัวจะออกแถลงกับสื่อมวลชน กระทั่งคืนวันก่อนที่ตนจะเดินทางไปร้องทุกข์กับกองปราบปรามก็มีคนมาดักรอหน้าบ้านทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย ต้องขอการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะที่ พลตรีกฤษณ์ดนัย กล่าวว่า คดีนี้ตนยืนยันทหารทุกนายที่อยู่ในจุดเกิดเหตุนั้นไม่ได้หลบหนีออกมาจากค่าย เพราะตอนเกิดเหตุเป็นวันหยุดพักผ่อนตรงกับเสาร์-อาทิตย์ จากนั้นต่างฝ่าย ต่างก็นัดหมายไปดื่มสังสรรค์และพบกันจนเกิดเรื่องทะเลาะวิวาท ซึ่งการดื่มสุราทะเลาะวิวาทก็ถือเป็นเรื่องผิดวินัยอยู่แล้ว จึงมอบหมายให้ทหารพระธรรมนูญคุมตัวทหารกลุ่มนี้เอาไว้หากพนักงานสอบสวนประสานมาต้องการตัวใครเข้าสอบปากคำก็จะนำมามอบให้ด้วยความยุติธรรม ในส่วนของมูลเหตุที่เกิดขึ้นนั้นขอไม่ให้รายละเอียดเนื่องจากอยู่ในสำนวนการสอบสวน ส่วนทหารยศนายพันที่โทรศัพท์ไปขอเจรจากับแม่ผู้เสียชีวิต คาดว่า เป็นผู้บังคับกองร้อยของทหารทั้งหมด โดยตนเชื่อว่าคงเป็นเงินเยียวยาเบื้องต้นที่ทางญาติของผู้ต้องหารวบรวมมาต้องการจะมอบให้คุณแม่ แต่ที่ต้องผลัดวันนัดหมายก็เพราะขณะนั้นยังสรุปไม่ได้ว่าใครจะตกเป็นผู้ต้องหาบ้าง
สำหรับ นายวรินทร์ อัฐนาค ประธานชมรมโดมเพื่อคุณธรรม ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาทางกฎหมาย แก่ พลทหารบุญฤทธิ์ เอี่ยมสิริลักษณ์ ผู้ตาย กล่าวว่า ขณะนี้มั่นใจขึ้นมา 40 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 60 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังต้องเดินหน้าหาความยุติธรรมต่อไป เพราะยังคงสงสัยในอีกหลายประเด็น ทั้งผลพิสูจน์การเก็บหลักฐานทางนิติเวช และประเด็นที่มีการชี้แจงว่าพบผู้ต้องหาที่เป็นคนลงมือฆ่าอีกคน ยืนยันยืนยันฝ่ายกฎหมายไม่ใช่คู่ขัดแย้งของทั้งตำรวจและทหาร หลังจากนี้ทีมทนายความจะเข้าปรึกษาพนักงานสอบสวนให้ตั้งข้อหาเป็นร่วมกันฆ่า เนื่องจากผู้ต้องหาขณะนี้มีมากกว่า 1 คน จึงต้องชัดเจนทั้งพยานและหลักฐานเพราะคดีนี้เป็นคดีอาญา
+ อ่านเพิ่มเติม