เจ้าหน้าราชทัณฑ์นำตัว อดีตพระเณรคำ มารับฟังคำพิพากษาในคดีที่ พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พระวิรพล ฉันติโก หรือนายวิรพล สุขผล หรือ หลวงปู่เณรคำอดีตประธานสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีษะเกษ ป็นจำเลย ในความผิด นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฉ้อโกงประชาชนและฟอกเงิน
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยปราชิกพ้นจากความเป็นภิกษุสงฆ์ เพราะเสพเมถุน ถือว่าไม่ได้เป็นภิกษุที่ปฎิบัติดี ในช่วงเวลาที่มีการเชิญชวนญาติธรรมให้มาร่วมสร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ถือเป็นการหลอกลวง อีกทั้งการก่อสร้างพระแก้วมรกตก็ไม่ได้มีการนำหยกจากประเทศอิตาลีมาก่อสร้างตามที่กล่าวอ้าง แต่กลับใช้อิฐหินปูนมาก่อสร้างแทน อีกทั้งมีพฤติการณ์ใช้เงินบริจาคไปใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย เช่น ซื้อรถยนต์หรูหลายคัน เช่าเครื่องบินส่วนตัวเดินทาง และใช้สินค้าราคาแพง จึงเป็นการนำเงินบริจาคของญาติธรรมที่มีความศรัทธาไปใช้ส่วนตัว ไม่ได้ทำตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค จึงถือว่ามีความผิดจริง พิพากษาจำคุก 87 ปี ในฐานความผิดฉัอโกงประชาชน ให้จำคุก 24 ปี ความผิดฐานฟอกเงิน และจำคุก 3 ปี ฐานความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมแล้วให้จำคุก 114 ปี แต่ตามกฎหมายกำหนดให้ลงโทษได้ไม่เกิน 20 ปี คงเหลือให้จำคุก 20 ปี และชดใช้เงินตามจริงให้กับผู้เสียหาย 29 คน.
โดยคดีนี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ถึง 27 มิถุนายน 2556 จำเลยอาศัยความเป็นพระภิกษุ ในฐานะประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จังหวัดศรีสะเกษ และความศรัทธาของประชาชน ได้บังอาจหลอกลวงว่า จำเลยนิมิตพบองค์อินทร์ ขอให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และสร้างมหาวิหารครอบองค์พระ โดยใช้หยกเขียวแท้จากประเทศอิตาลี และสร้างเครื่องทรงพระแก้ว 3 ฤดูด้วยทองคำแท้ และก่อสร้างเสาวิหารแก้ว 199 ต้นๆ ละ 3 แสนบาท รูปหล่อพระทองคำ ซึ่งเป็นรูปเหมือนจำเลย ก่อสร้างวิหารสำหรับประชาชนที่วัดป่าฯ สาขา 1 จังหวัดอุบลราชธานี สร้างวัดที่จังหวัดสุพรรณบุรี รวมทั้งการจัดซื้อเรือจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจำเลยประกาศ ชักชวนให้ประชาชน นำเงิน ทองคำ และทรัพย์สินมาบริจาคกับจำเลย ที่วัดป่าขันติธรรม
+ อ่านเพิ่มเติม