ปภ.สรุปน้ำท่วมรวม 9 จังหวัด พร้อมสั่งเฝ้าระวัง 5 อำเภอ จ.เพชรบุรี
logo ข่าวอัพเดท

ปภ.สรุปน้ำท่วมรวม 9 จังหวัด พร้อมสั่งเฝ้าระวัง 5 อำเภอ จ.เพชรบุรี

ข่าวอัพเดท : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผยภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมใน 9 จังหวัด พร้อมยังคงสั่งเฝ้าระวัง 5 อำเภอของจังหวัดเพชรบุรี ที่เสี่ยงได้รับ ปภ.,สรุปน้ำท่วม,กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย,น้ำท่วมเพชรบุรี

9,055 ครั้ง
|
07 ส.ค. 2561
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผยภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมใน 9 จังหวัด พร้อมยังคงสั่งเฝ้าระวัง 5 อำเภอของจังหวัดเพชรบุรี ที่เสี่ยงได้รับผลกระทบน้ำท่วมฉับพลันจากการระบายน้ำของเขื่อนแก่งกระจาน
 
โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รายงานสถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 7 สิงหาคม เวลา 7 นาฬิกาที่ผ่านมา ซึ่งจุดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นเศษ คือ จังหวัดเพชรบุรี ในจุดพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำเพชรบุรี เนื่องจากเขื่อนแก่งกระจาน มีความจุเกิน 100% และมีน้ำไหลเข้ามากกว่าไหลออก จึงจำเป็นต้องระบายน้ำ ส่งผลต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนเสี่ยงจะได้รับผลกระทบน้ำท่วมฉับพลัน รวม 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแก่งกระจาน - อำเภอท่ายาง - อำเภอบ้านลาด - เมืองเพชรบุรี และ อำเภอบ้านแหลม 
 
ขณะเดียวกัน ยังคงประกาศเตือนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจุดที่เกิดน้ำท่วมขังเดิมริมแม่น้ำโขง ที่ปัจจุบันมีอยู่ 9 จังหวัด คือ นครพนม - มุกดาหาร - อำนาจเจริญ - อุบลราชธานี -บึงกาฬ -สกลนคร -ร้อยเอ็ด - กาฬสินธุ์ และ ยโสธร รวม 50 อำเภอ 1619 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3 หมื่น 2 พันครัวเรือน 
 
ซึ่งในส่วนจังหวัดสกลนคร ยังคงมีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม 4 อำเภอ ปัจจุบันระดับน้่ำเพิ่มขึ้น ล่าสุดศูนย์ปภ.เขต 7 จังหวัดสกลนคร ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำรวม 21 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 6 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ พร้อมแจกสิ่งของบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น เช่นเดียวกับอุบลราชธานี สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงจากระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยใน 6 อำเภอ ซึ่งได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเพื่อเร่งการไหลของน้ำรวม 12 เครื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ / เรือท้องแบนและรถบรรทุก เข้าให้การช่วยเหลือประชาชน
 
ทั้งนี้ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาพอากาศ ปริมาณน้ำฝนสะสมในรอบ 24 ชั่วโมง และปฏิบัติตามคำเตือนของทางกาาราชการอย่างเคร่งครัดหากเกิดกรณีฉุกเฉิน และสามารถประสาน ขอช่วยเหลือได้ผ่านช่องทางสายด่วนสาธารณภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง