ดีเอสไอเตรียมส่งวัตถุพยานในคดี "บิลลี่ พอละจี" นักสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงที่หายตัวไปกว่า 4 ปีให้นิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์ซ้ำ คราบเลือดที่ไม่พบดีเอ็นเอยังมีหวังด้วยเครื่องมือพิเศษ เตรียมรื้อใหญ่ขยายผลประเด็นพยานให้การไม่ตรงกับกล้องวงจรปิด
พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีการหายตัวไปนานกว่า 4 ปี ของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย จังหวัดเพชรบุรีว่า หลังจากคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ. ได้มีมติรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษก็ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อจากเดิมที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงมาแล้วบางส่วน โดยในชั้นตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ายังมีพยานหลักฐานอีกหลายประเด็นที่ยังไม่ได้นำมาขยายผล เช่น ทรัพย์สินของนายพอละจีที่ยังสูญหาย ตลอดจนกล้องวงจรปิดจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ยังมีไม่ครบทุกจุด
นอกจากนี้ในการตรวจสอบภาพเหตุการณ์ตามช่วงเวลาที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดบางช่วงไม่สอดคล้องกับคำให้การของพยาน ดีเอสไอจึงต้องเข้าไปสอบสวนให้เกิดความชัดเจน โดยจะนำช่วงลำดับเวลาของเหตุการณ์ เริ่มตั้งแต่เกิดเหตุที่นายพอละจีถูกเจ้าหน้าที่อุทยานควบคุมตัว ทั้งนี้วัตถุพยานทั้งหมดที่ตรวจพบจะส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ร่วมตรวจพิสูจน์ ภายหลังการประชุมเปิดคดีอย่างเป็นทางการ ดีเอสไอต้องลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากที่สุด สำหรับคราบเลือดมนุษย์เพศชาย ซึ่งตรวจพบภายในรถยนต์ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแต่ตรวจเปรียบเทียบสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ ไม่ได้นั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งวัตถุพยานให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์ซ้ำ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ทันสมัยสามารถทำการขยายรายละเอียดคราบเลือด เพื่อจับคู่ดีเอ็นเอจากคราบเลือด กับญาติของนายพอละจีอีกครั้ง