สื่อทั่วโลกก็ร่วมยินดีไปกับคนไทย พร้อมรายงานข่าวด่วน หลังมีการยืนยันว่า น้องๆนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชทีม "หมูป่า อะคาเดมี่" ทั้ง 13 คนปลอดภัย หลังจากติดอยู่ภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน นาน 9 วัน 5 ชั่วโมง 41 นาที 15 วินาที
ทั้งสำนักข่าว CNN และ BBC ต่างขึ้นพาดหัวใหญ่ประจำเว็บไซต์เป็นข่าวการพบ 13 ชีวิตในถ้ำหลวง โดย CNN พาดหัวใช้คำพูดของเจ้าหน้าที่อังกฤษที่กล่าวว่า "Many people is coming" หรือ "มีหลายคนกำลังตามมา" ที่บอกกับทั้ง 13 ชีวิตในถ้ำ ขณะ BBC พาดหัวถึงการลำเลียงทั้ง 13 ชีวิตออกมาซึ่งอาจต้องใช้เวลากว่า 1 เดือน และยังกล่าวถึงชาวอังกฤษซึ่งอยู่ร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้
ขณะผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว เอบีซี นิวส์ ลงพื้นที่รายงานข่าวด่วนทันทีเมื่อวานนี้ เพื่อให้ทั่วโลกได้ทราบข่าวดี หลังได้รับการยืนยันว่า ทีมนักดำน้ำค้นพบทีมนักเตะเยาวชน 12 คน และ ครูฝึกสอน 1 คนแล้ว ที่บริเวณเนินนมสาว ซึ่งอยู่ห่างจากหาดพัทยา 400 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญที่เชื่อเด็กๆและโค้ช ทั้ง 13 คน น่าจะอยู่ภายในถ้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น พร้อมกับเผยภาพแรกที่นักดำน้ำพบ ที่แสดงให้เห็นว่าเด็กและโค้ชทั้ง 13 คน ที่ยังมีชีวิตอยู่
เช่นเดียวกับ สำนักข่าวอื่นๆเช่น BBC, เอพี, รอยเตอร์ส, เดอะการ์เดี้ยน ต่างก็เผยภาพวินาทีแห่งปาฏิหาริย์ ที่หลายคนเฝ้ารอที่จะได้เห็นภาพเด็กๆและโค้ช ปลอดภัย หลังจากที่รอคอยมานานเกือบ 10 วัน
หลายสำนักข่าวส่งผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกาะติดใกล้ชิด อาทิ สำนักข่าว CGTN America ได้ส่งผู้สื่อข่าว "มาร์ติน โลว์ (Martin Lowe)" ลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์การค้นหา ทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย ที่ติดอยู่ในถ้ำเขาหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อย่างใกล้ชิด จนภารกิจบรรลุเป้าหมาย ที่หน่วยซีลและทีมช่วยเหลือจากนานาชาติพบทั้ง 13 ชีวิตนั้นยังมีชีวิตอยู่ นับเป็นข่าวดีอย่างยิ่งและไม่เพียงแต่ชาวไทยที่รอคอยให้เกิดปาฏิหาริย์นี้ขึ้น แต่ยังรวมถึงคนทั่วโลกด้วย ซึ่งทำให้ทุกคนนั้นมีความสุขและสบายใจที่ทั้ง 13 คน ยังมีชีวิตรอดท่ามกลางสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยอย่างมาก ขณะที่ด้านนอกถ้ำ เจ้าหน้าที่ไทยก็เตรียมพร้อมรับเด็กนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้พื้นที่เกิดเหตุทันที
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าว CGTN ยังรายงานถึงการทำงานของสื่อไทยที่ทำงานอย่างหนักเพื่อรายงานสถานการณ์นี้ ให้ชาวไทยที่ร่วมลุ้นเอาใจช่วยเด็กๆ ให้ออกมารอดปลอดภัยด้วย
สำนักข่าวรอยเตอร์ และบีบีซี ยังรายงานด้วยว่า การนำเด็กออกมาจากถ้ำในขณะนี้ยังทำไม่ได้ เด็กๆและโค้ชอาจต้องอยูในถ้ำอย่างน้อย 4 เดือน เพื่อรอระดับน้ำในถ้ำลด
ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น นอกจากรายงานการทำงานของทีมช่วยเหลือจนพบทั้ง 13 ชีวิตช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ก็ยังพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยสแตนด์ฟอร์ด ที่ย้ำว่ายังต้องเฝ้าระวังทั้งพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการนอนหลับ เพราะอาจได้รับผลกระทบ จากการอยู่ในที่ที่ไม่มีแสงสว่างและอาหารเพียงพอเป็นเวลานาน ขณะเดียวกันก็เน้นไปที่การเยียวยาสภาพจิตใจเด็กๆ ที่ต้องอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่ รวมถึงอีกข้อกังวลก็คือ เด็กๆ และโค้ชจะกลับไปมีชีวิตตามปกติได้หรือไม่ ซึ่งสื่อมวลชนเองก็จะต้องระวังไม่ให้ซ้ำรอยเหตุเหมืองถล่มที่ชิลีเมื่อปี 2553 จนทั้ง 23 ชีวิตที่ติดอยู่ในเหมืองนานถึง 2 เดือน กลายเป็นที่จับตามองของทั้งสื่อชิลีและต่างประเทศ
+ อ่านเพิ่มเติม