เมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 มิถุนายน ที่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลออกนั่งพิจารณาคดีครั้งเเรกในคดีหมายเลขดำที่ อม.44/61ที่คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตเเห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีให้ความเห็นชอบต่อกระทรวงการคลัง สมัยที่ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ เป็น รมว.คลัง เข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน ถือเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง เพราะกระทรวงการคลังไม่มีอำนาจเข้าไปบริหารบริษัทเอกชน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2546 มาตรา 10 เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ระบบราชการ
โดยในวันนี้อัยการโจทก์เดินทางมาศาล ส่วนฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดเดินทางมา
องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาเเล้วเห็นว่านายทักษิณ (จำเลย) ทราบนัดโดยชอบไม่มีการแจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อน เห็นว่าจำเลยมีพฤติการณ์หลบหนีจึงให้ออกหมายจับกุมตัวจำเลยเพื่อมาดำเนินคดีตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 พร้อมให้โจทก์รายงานผลการจับกุมให้ศาลรับทราบ และมีคำสั่งให้ร่นระยะเวลาการติดตามตัวจากเดิมที่ พ.ร.ป.ด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาตรา 28 วรรคสอง กำหนดไว้ 3 เดือน ก่อนที่จะให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีโดยไม่ต้องทำต่อหน้าจำเลยภายใน 1 เดือน ตามมาตรา 19 วรรค 1 ที่บัญญัติว่า ระยะเวลาที่กําหนดไว้ในพ.ร.ป.นี้ หรือในกฎหมายอื่นที่บทบัญญัติแห่ง พ.ร.ป.นี้นํามาใช้บังคับ หรือในข้อกําหนดของประธานศาลฎีกา หรือตามที่ศาลกําหนด เมื่อศาลเห็นสมควรหรือเมื่อคู่ความมีคําขอ ศาลอาจย่นหรือขยายได้ ตามความจําเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยในการแต่งตั้งทนายความเพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีแล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากจำเลยถูกออกหมายจับในหลายคดี โดยให้ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ติดตามตัวจำเลยมาศาลต่อไป
ส่วนที่จำเลยไม่มาศาลในการพิจารณาครั้งเเรกให้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 33 จึงให้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 7 สิงหาคม 2561 เวลา 13.30 น. และให้คู่ความทั้งสองฝ่ายยื่นบัญชีพยานกำหนดแนวทางไต่สวนก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน 14 วัน โดยให้ส่งหมายแจ้ง หากไม่มีผู้รับให้ปิดหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายสำหรับคดีที่เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณในวันนี้ เป็นคดีที่สามารถพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้านายทักษิณ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองในมาตรา 28 ที่บัญญัติสาระสำคัญว่า ในกรณีที่ศาลประทับรับฟ้องไว้ตามมาตรา 27 ที่เมื่อศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยทราบโดยชอบแล้วแต่จำเลยไม่มาศาล ให้ศาลออกหมายจับจำเลยและให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องติดตามหรือจับกุมจำเลย รายงานผลการติดตามจับกุมเป็นระยะตามที่ศาลกำหนด แต่ถ้าไม่สามารถจับจำเลยได้ภายในสามเดือนนับแต่ออกหมายจับ ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะตั้งทนายความมาดำเนินการแทนตนได้ และไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะมาต่อสู้คดี
+ อ่านเพิ่มเติม