สำหรับความคืบหน้าของคดีที่นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่พร้อมพวกตกเป็นจำเลยในข้อหา "ข่มขืนใจ บังคับขู่เข็ญทำให้ตกใจกลัว และกระทำการอนาจารต่อหน้าธารกำนัล โดยมีผู้สื่อข่าวภูมิภาคในจังหวัดขอนแก่นเป็นโจทย์ยื่นฟ้องหมอเปรมพร้อมพวกนั้น ศาลจังหวัดพลมีกำหนดอ่านคำพิพากษาในคดีดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (21 มิ.ย.) เวลา 09.00 น.
สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 26 พ.ค. 2559 โดยผู้สื่อข่าวจาก 5 สำนักข่าวในจังหวัดขอนแก่น มีทั้งหนังสือพิมพ์และ ทีวี ได้ติดตามทำข่าว กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพทางโซเชียลมีเดีย เป็นภาพ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ หรือ หมอเปรม อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นั่งคู่กับหญิงสาวชั้น ม.5 โดยที่ด้านหน้ามีพานใส่ธนบัตรจำนวนหนึ่ง และมีสำเนาทะเบียนรถยนต์เล่มสีน้ำเงินวางอยู่ 1 เล่ม พร้อมพระพุทธรูปโดยมีคนเฒ่าคนแก่กำลังผูกแขน คล้ายมีพิธีหมั้นหรือพิธีมงคลสมรสของภาคอีสาน โดยผู้สื่อข่าวทั้งหมดได้ขอพบและสัมภาษณ์หมอเปรม ภายในที่ทำการสำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับหมอเปรมเป็นอย่างมาก หมอเปรมจึงได้วางแผนหลอกให้ผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนักเข้าไปภายในห้องทำงานของนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ เมื่อผู้สื่อข่าวทั้งหมดเข้าไปภายในห้องดังกล่าว กลับถูก หมอเปรมสั่งเจ้าหน้าที่เทศบาลซึ่งเป็นลูกน้อง เก็บโทรศัพท์ มือถือ กล้องถ่ายภาพของ ผู้สื่อข่าวทั้งหมด พร้อมกับล็อกตัวผู้สื่อข่าว นสพ.เดลินิวส์ ประจำ จ.ขอนแก่นแก้ผ้าประจาน
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พ.ค.2559 ผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนัก จึงเดินทางจึงแจ้งความเอาผิดกับหมอเปรม พร้อมพวกรวม 7 คน ที่ สภ.บ้านไผ่ ในข้อหา “ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับข่มขืนจิตใจ ให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการ และกระทำการอนาจารต่อหน้าธารกำนัล“ ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านไผ่ได้สรุปสำนวนคำฟ้องส่งให้กับอัยการจังหวัดพลเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2559
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 ทางอัยการจังหวัดพลได้มีความเห็นสั่งฟ้องเฉพาะ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ กับ ร.ต.บัวทอง โลขันธ์ เลขาฯหมอเปรม เพียง 2 คนเท่านั้น ส่วนผู้ต้องหาอีก 5 คนที่ร่วมกันกระทำผิดกับหมอเปรมทางอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า จากการตรวจสอบสำนวนที่ตำรวจเสนอมา พบว่าบางคนก็ไม่อยู่ในข่ายร่วมการกระทำกับหมอเปรม ขณะที่ฝ่ายโจทย์ที่ยื่นฟ้องหมอเปรมคือ ผสข.ทั้ง 5 สำนักข่าวนั้น อัยการมีความเห็นว่าผู้สื่อข่าวจาก 4 สำนักไม่ใช่ผู้เสียหาย จะมีเพียงนายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผสข.เดลินิวส์ ที่โดนถอดกางเกงคนเดียวเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย จึงทำให้ข้อหาที่ยื่นฟ้องไปคือ“ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับข่มขืนจิตใจ ให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด”จึงเป็นอันตกไป อัยการจึงสั่งฟ้องในข้อหา "ข่มขืนใจ บังคับขู่เข็ญทำให้ตกใจกลัว และกระทำการอนาจารต่อหน้าธารกำนัล"
ด้านนายปกาญจน์ นพศรี ทนายความฝ่ายโจทย์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า จากการที่ทั้งสองฝ่ายคือฝ่ายโจทย์ และฝ่ายจำเลย ขึ้นเบิกความต่อศาลตนในฐานะทนายฝ่ายโจทย์ก็ยังมั่นใจอยู่ว่าจะเป็นฝ่ายชนะ เนื่องจากพยานฝ่ายโจทย์ซึ่งเป็น ผสข.ทั้ง 4 คนให้การที่เป็นประโยชน์และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนฝ่ายจำเลยถึงแม้จะปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำการตามที่โจทย์ได้ยื่นฟ้องไปก็ยังไม่สามารถนำพิสูจน์ให้ศาลเห็นได้ว่าไม่ได้กระทำการจริงตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะมีความเห็นเป็นเช่นไร
+ อ่านเพิ่มเติม