ทนายยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อผบ.ทบ. ให้เปิดกล้องวงจรปิดเหตุยิง “ชัยภูมิ ป่าแส” เสียชีวิต
logo ข่าวอัพเดท

ทนายยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อผบ.ทบ. ให้เปิดกล้องวงจรปิดเหตุยิง “ชัยภูมิ ป่าแส” เสียชีวิต

ข่าวอัพเดท : ทนายความครอบครัวป่าแสยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการทหารบก ร้องขอความเป็นธรรมให้เปิดกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุยิงนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมช นักกิจกรรม ลาหู่ เสียชีวิต,นักกิจกรรม ลาหู่ ถูกยิง,ชัยภูมิ ป่าแส

1,299 ครั้ง
|
18 มิ.ย. 2561
ทนายความครอบครัวป่าแสยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการทหารบก ร้องขอความเป็นธรรมให้เปิดกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุยิงนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่เสียชีวิตว่าเจ้าหน้าที่มีเหตุจำเป็นต้องป้องกันตัวจริงหรือไม่
 
นายรัษฎา มนูรัษฎา ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากมารดาของนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ ที่เสียชีวิตจากการถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญฆาตกรรม เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงพลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ชั่น 1 อาคารสำนักงานเลขานุการกองทัพบก โดยมี พล.ต.ปัณณทัต กาญจนะวสิต เลขานุการกองทัพบกรับเรื่องแทน เพื่อขอให้มีคำสั่งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่เกิดเหตุ บริเวณด่านตรวจถาวรบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ให้กับครอบครัว 1 ชุด ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ และทีมทนายความ 1 ชุด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และเกิดความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย เพราะเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องทำไปเพราะป้องกันตัว ซึ่งภาพดังกล่าวจะแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ทำไปเพราะป้องกันตัวจริงหรือไม่ 
 
โดยทนายความเชื่อว่าในจุดเกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้ และสามารถใช้การและบันทึกภาพไว้ได้ เนื่องจากในชั้นสอบสวน มีคำให้การของนายทหารระดับผู้บังคับกองร้อยว่าได้ดูภาพดังกล่าวแล้ว และได้ทำสำเนาภาพไว้ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะหรือยังไม่ถูกนำไปยื่นต่อศาล มีเพียงส่งไปยังพนักงานสอบสวนแต่ก็ไม่สามารถเปิดไฟล์ภาพได้ และถึงแม้จะส่งไปยังกองพิสูจน์หลักฐานก็ยังไม่มีความชัดเจน 
 
ส่วนความคืบหน้าทางคดี ทนายความระบุว่าหลังจากศาลไต่สวนว่านายชัยภูมิเสียชีวิตจากการถูกทหารยิงจริง แต่ไม่ได้ระบุว่า เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ แต่ทั้งนี้ไม่ว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิ์ผู้เสียหายในการฟ้องร้องทั้งคดีแพ่งและอาญา แต่เนื่องด้วยผู้ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา และใช้อาวุธปืนยิงเป็นทหาร ดังนั้นสิทธิ์ของผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีอาญาต่อศาลทหารนั้นไม่สามารถทำได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องของกฎหมายที่จำกัดสิทธิ์ไว้ และผู้เสียหายก็จะเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการไม่ได้ จึงอยากฝากไปยังผู้เกี่ยวข้องในด้านกฎหมายด้วย ว่ากฎหมายใดมีข้อบกพร่องและจำกัดสิทธิ์ของประชาชนในการเข้าถึงขบวนการยุติธรรมก็ควรแก้ไข