สำนักข่าว mirror เผยแพร่เรื่องราวของ Ali Banat มหาเศรษฐีหนุ่มชาวออสเตรเลียเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในวัยเพียง 32 ปี เมื่อวันที่ 29 พ.ค. หลังเขาตัดสินใจบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองเพื่อการกุศล นับตั้งแต่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นมะเร็งระยะที่ 4 เมื่อสามปีก่อน
นักธุรกิจหนุ่มชาวมุสลิมผู้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 7 เดือน แต่เขากลับรอดมานานกว่าที่คาดไว้ 2 ปีกว่า โดยสิ่งแรกที่เขาทำหลังทราบว่าตัวเองกำลังจะตาย คือการตัดสินใจขายบริษัทรักษาความปลอดภัยและอิเล็กทรอนิกส์ของตัวเองทิ้ง แล้วมุ่งหน้าไปยังประเทศโตโกในทวีปแอฟริกา เพื่อชุบชีวิตชาวมุสลิมผู้ด้อยโอกาส ตั้งแต่สร้างมัสยิด โรงพยาบาล และโรงเรียนให้กับเด็กๆ ที่ยากจน
ชายหนุ่มได้จัดตั้งองค์กรการกุศลที่มีชื่อว่า Muslims Around The World (MATW) มีจุดประสงค์เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ยากไร้ทั่วโลก โดยเขาได้ควักเงินของตัวเองมาสร้างบ้านให้กับแม่หม้ายมากกว่า 200 หลัง สร้างโรงเรียนให้กับเด็กกำพร้า 600 คน และโรงพยาบาลขนาดเล็กในท้องถิ่น
ขณะที่ในโซเชียลมีเดียได้มีการแชร์คลิปวิดีโอที่มีชื่อว่า Gifted With Cancer โดยชายหนุ่มได้ออกมาเปิดใจว่า การวินิจฉัยของแพทย์ถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ของชีวิต เพราะทำให้เขาได้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงตัวเอง เมื่อคนเราพบว่าตัวเองจะเหลือชีวิตอีกไม่นาน สิ่งที่ได้ตระหนักมากที่สุดคือการใช้ชีวิตอยู่อย่างมีค่าในช่วงเวลาที่เหลือ และยังได้เข้าใจว่าเงินทองไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขาเลย เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย
นอกจากนี้ยังมีการแชร์คลิปที่เขาพูดไว้ก่อนจะเสียชีวิตไม่นาน โดยกล่าวขอร้องให้คนอื่นสานต่อเจตนารมณ์ของตัวเองต่อไปอีกด้วย
ภายหลังชายหนุ่มเสียชีวิตลงได้มีผู้ใจบุญจากทั่วโลกร่วมบริจาคเงินสมทบทุนให้กับมูลนิธิของเขามากกว่า 31 ล้านบาท ซึ่งยอดเงินก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง