นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาก๊าซแอลพีจีในตลาดโลกเริ่มปรับตัวลดลงตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จาก 585 เหรียญสหรัฐ/ตัน ลงเหลือ 543 เหรียญสหรัฐต่อตัน และมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเรื่อยๆ ซึ่งกระทรวงพลังงานจะมีการพิจารณาปรับลดราคาแอลพีจีในประเทศในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในช่วงเย็นวันนี้ โดยจะประกาศได้ว่าจะปรับลดราคาลงได้เท่าไหร่และใช้มาตรการอย่างไร
นอกจากนี้ในการประชุม กบง. จะมีการพิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยยืนยันตามมาตรการที่ประกาศไปก่อนหน้านี้คือ การรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรถบรรทุกและรถโดยสารใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 20 ซึ่งจะมีผลให้น้ำมันที่ภาคขนส่งใช้อยู่ในระดับ 27 บาทต่อลิตร และไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นค่าบริการ
ส่วนความกังวลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับค่าไฟฟ้านั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานชี้แจงว่า การผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะไม่ได้รับผลกระทบทันทีจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่จะเห็นผลในอีก 6 เดือนข้างหน้า พร้อมยืนยันว่าในปีนี้จะไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าจากผลกระทบด้านราคาน้ำมัน ส่วนปีหน้าจะปรับขึ้นหรือไม่ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติม แต่จะพยายามบริหารจัดการไม่ให้กระทบกับค่าไฟและค่าครองชีพของประชาชน
ขณะเดียวกันวันนี้มีการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการซ้อมแผนรองรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงาน ประจำปี 2561 โดยมีผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในสังกัดกระทรวงและภาคเอกชนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง สำหรับการซักซ้อมในวันนี้ ได้มีการจำลองสถานการณ์สมมติที่เกิดกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศ (เกิดอุบัติเหตุท่อก๊าซขัดข้อง) ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้พลังงานในภาคส่วนต่าง ๆ ในวงกว้าง โดยได้ซักซ้อมการระดมความเห็น การแนวทางแก้ไข การทดสอบการประสานงานระหว่างหน่วยงาน การสั่งการตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยในการแก้ไขสถานการณ์ การใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้แนวทางการตัดสินใจจากการซ้อมแผน จะนำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับประเทศต่อไป
+ อ่านเพิ่มเติม