เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (17 พ.ค.61 ) พ.ต.ท.ศุภสิทธิ์ มากผ่อง สวป.สน.ธรรมศาลา รับแจ้งเหตุพระภิกษุปีนเสาส่งสัญญาณ ภายในสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี ถนนพุทธมณฑลสาย 3 ซอย 22 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.ณัฐพล จำบุญมา รอง ผกก.ป.สน.ธรรมศาลา เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตทวีวัฒนา หน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู และรถกระเช้าจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.จำนวน 1 คัน
ที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่รกร้างซึ่งเป็นอาคารกำลังก่อสร้างของรีสอร์ต ประมาณ 5 ไร่ แต่ปัจจุบันถูกนำมาใช้ทำเป็นสำนักปฏิบัติธรรม มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาไม่กี่รูป จากการตรวจสอบบริเวณเสาส่งสัญญาณร้างสูงประมาณ 60 เมตร พบ พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตฺตธฺมโม ประธานสงฆ์สำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี ครองผ้าจีวรพร้อมอัฐบริขาร และอุปกรณ์เซฟตี้ สำหรับปีนที่สูง ขึ้นไปนั่งกลางเสา ซึ่งอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 20 เมตร โดยไม่ยอมเจรจากับผู้ใด และหากเจ้าหน้าที่เข้าใกล้ก็จะปีนสูงขึ้นไปอีก จนเจ้าหน้าที่ต้องตัดสินใจถอยห่าง
จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกสำนักสงฆ์ ให้ข้อมูลว่า พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นของเอกชนเข้ามาทำรีสอร์ต และติดหนี้ธนาคาร จนต้องปล่อยร้างมาได้ประมาณ 10 ปี แล้ว กระทั่งช่วงปี พ.ศ.2555 พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา ได้เข้ามาสร้างสำนักสงฆ์และนิมนต์พระ ส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายกัมพูชา สลับสับเปลี่ยนเวียนหน้ากันเข้ามาจำวัด กระทั่งทางธนาคาร ได้เข้ามาเจรจาขอให้สำนักสงฆ์ย้ายออกไป แต่ก็มีการไกล่เกลี่ยขออยู่ต่อเรื่อยมา ในที่สุดเมื่อสถานการณ์ของสำนักสงฆ์เริ่มไม่สู้ดีเพราะเห็นทีต้องย้ายออกแน่ๆ แล้ว สังเกตเห็น พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เกิดความเครียดอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งเมื่อช่วงสายวันนี้ พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา บอกชาวบ้านว่า จะขึ้นไปนั่งปฏิบัติธรรมบนเสาส่งสัญญาณสัก 10 วัน ทางชาวบ้านหวั่นจะไม่ปลอดภัยจึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
ขณะที่ พ.ต.ท.ณัฐพล กล่าวว่า จากการแสดงพฤติกรรมดังกล่าวเชื่อว่า พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา น่าจะต้องการเรียกร้องไม่ให้สำนักสงฆ์ถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ ขณะนี้ยังไม่สามารถเจรจากันได้ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และจะติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารที่มีปัญหาพิพาทกันเรื่องพื้นที่เข้ามาไกล่เกลี่ย โดยที่ผ่านมา สำนักสงฆ์แห่งนี้เคยมีกระแสข่าวฮือฮามาครั้งหนึ่งเมื่อประมาณกลางปีที่แล้วหลังจากมีการทำพิธีเผาศพไร้ญาติบนกองฟอน โดยไม่มีโลงศพห่อหุ้ม ทำให้ชาวบ้านอุจาดตาและเข้าแจ้งความกับตำรวจให้มาตรวจสอบ.
+ อ่านเพิ่มเติม