'ปลอดประสพ' โพสต์FB สดุดีวีรบุรุษสีกากี เหตุปะทะผ่านฟ้า
logo ข่าวอัพเดท

'ปลอดประสพ' โพสต์FB สดุดีวีรบุรุษสีกากี เหตุปะทะผ่านฟ้า

4,637 ครั้ง
|
20 ก.พ. 2557

 

'ปลอดประสพ' โพสต์เฟซบุ๊ค สดุดีวีรกรรมของตำรวจผู้กล้า เหตุปะทะแยกผ่านฟ้า   

 

 

ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ความคิดเห็นลงเฟซบุ๊ค ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี ว่า

 

"แด่ประชาชน และวีรบุรุษสีกากี

 

การสูญเสียเป็นทุกข์ โดยเฉพาะการสูญเสียบุคคลที่เราใกล้ชิด ผมรู้ถึงความรู้สึกเช่นนี้ได้ดี เพราะได้เคยสูญเสียบุคคลที่ผมรักและเทิดทูนมาแล้ว

 

 

เมื่อวานนี้ สืบเนื่องจากปัญหาการเมืองที่มิรู้จักจบสิ้น (เพื่อตัวเองแท้ๆ) มีผู้คนต้องล้มตายไปอีกถึงห้าคน ในจำนวนนี้เป็นตำรวจหนึ่งนาย และประชาชนอีกสี่คน ผมเสียใจกับครอบครัวของทุกๆท่าน ที่จริงความสูญเสียเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย หากเรามีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์

 

 

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขัดแย้งทางการเมือง นับตั้งเเต่เหตุที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อ 30 พ.ย.56 จนถึงขณะนี้ มีผู้บาดเจ็บแล้ว 685 คน เสียชีวิต 16 คน รวมเป็น 701 คน เฉพาะเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่ บริเวณสะพานผ่านฟ้า เมื่อ 18 ก.พ. 57 มีพี่น้องประชาชนบาดเจ็บถึง 65 คน และเสียชีวิต 5 คนนั้น ( ที่มา : https://goo.gl/J0P7JU )

 

 

ผมเสียดายจริงๆ เพราะความขัดแย้ง หรือความเห็นต่างทางการเมืองนั้น เป็นเอกสิทธิของแต่ละบุคคล อันที่จริง ความเห็นต่างไม่ได้ลุ่มลึกมากมายอะไร จนถึงขั้นที่จะต้องฆ่าฟันกันเลย แต่ก็เพราะมีการยุแหย่ มีการปลุกระดม และล้างสมองกันแท้ๆ การทำร้ายกันถึงตายจึงเกิดขึ้น

 

 

เหตุการณ์สำคัญที่สะพานผ่านฟ้าเมื่อวานนี้ ผมได้ประจักษ์ถึงความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และความเสียสละของนายตำรวจท่านหนึ่งคือ ด.ต.ธีรเดช เล็กภู่ ทุกคนคงได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้ว มีลูกระเบิด M79 ลูกหนึ่งลอยมาจากทางฝูงชนจนกระทบกับโล่ที่แถวตำรวจถืออยู่ และจากนั้น ลูกระเบิดก็ได้ตกลงกับพื้นถนน ด้วยสัญชาตญาณของผู้กล้า และเด็ดเดี่ยว นายตำรวจท่านนี้ได้กระโดดออกมาจากแถว และเตะระเบิดสังหารลูกนี้ให้กลิ้งออกไปจากแถวของเพื่อนร่วมชีวิตที่ยืนอยู่ด้วยกัน แต่โชคร้ายไม่ทันกาล (มีเวลาน้อยกว่า 5 วินาที) ลูกระเบิดระเบิดเปรี้ยงพร้อมขาของท่านธีรเดช เพื่อนตำรวจอื่นๆ ที่ตั้งแถวอยู่ใกล้ๆ ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงตาย ผมขอยกย่องท่านอย่างสูงสุด ท่านเป็นผู้กล้า ท่านมีความเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก สิ่งที่ผมเห็นคือ ท่านยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเพื่อนร่วมสาบานของท่าน หายากมากครับ ลูกผู้ชายอย่างท่าน

 

 

นายตำรวจอีกท่านหนึ่งคือ ด.ต.เพียรชัย ภารวัตร (จะได้รับการปูนบำเหน็จเป็นพันตำรวจตรี) ก็ถูกยิงเข้าที่ศีรษะขณะปฏิบัติหน้าที่ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้รายงานแล้วว่า เป็นการยิงมาจากมุมสูง (มีข้อกังขามากว่าใครอยู่ที่นั้น) และก็ยังมีประชาชนอีก 4 ท่าน ถูกยิงเสียชีวิตเช่นกัน ซึ่งมีการกล่าวอ้างว่าเป็นฝีมือของมือที่สาม

 

 

ผมหวังว่าทางการคงจะสามารถหาหลักฐานมาเอาผิดกับฆาตกรเหล่านี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด สำหรับ พ.ต.อ.ยงยุทธ เรืองเดช ผกก.นโยบายและแผนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งบังเอิญนั่งรถผ่านมาและถูกยิงเข้าที่ขา ก็ต้องถือว่าโชคร้าย ก็ขอให้หายโดยเร็ว และก็เช่นเดียวกันพี่น้องอีกหลายสิบคนที่ได้รับบาดเจ็บก็ขอให้ทุเลาโดยเร็วด้วยครับ

 

 

การเสียชีวิตหรือบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ ขณะปฏิบัติหน้าที่ขณะปฏิบัติราชการนั้น ตามระเบียบและธรรมเนียมของราชการแล้ว ถือว่าเป็นผู้กล้าหาญเสียสละ สมควรได้รับการยกย่องเชิดชูไม่แตกต่างไปกับการออกสนามรบแต่อย่างใด แต่มันก็ไม่คุ้มเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูญเสียเพราะคนไทยทะเลาะกันเอง (ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ)

 

 

เมื่อยังหนุ่มอยู่ ผมเคยมีประสบการณ์ต้องอยู่ในสถานการณ์ของความขัดแย้ง ที่มีการยั่วยุและมีอาวุธอยู่ในมือ การควบคุมอารมณ์และการมีระเบียบวินัยของเจ้าหน้าที่ผู้ถืออาวุธมีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ เพราะหากถูกท้าทาย หรือยั่วยุจนเกินขีดความอดทน จนเจ้าหน้าที่นั้นคุมอารมณ์ไม่อยู่กดนิ้วชี้ไปเพียงเบาๆ เท่านั้นก็จะเกิดความสูญเสียขึ้นมาทันที (ภาพเท่าที่ผมเห็นตำรวจที่ถืออาวุธสงครามซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันไม่ได้ใช้อาวุธเลย) ผมได้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงความอดทนอย่างยิ่งยวด ให้หลับตาลองนึกภาพว่า หากเจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้คงมีประชาชนเจ็บตายจำนวนไม่น้อย (คงจำกันได้เมื่อ ศอฉ. กระชับพื้นที่โดยใช้ปืนและกระสุนจริง และยิงจริง ปรากฏว่ามีคนตายมากถึง 99 คน) ผมขอพูดตรงๆ ท่านดีกว่าพวกนั้นมากมาย ขอขอบคุณที่เห็นแก่ชีวิตผู้อื่น

 

 

พอหรือยังครับกับการพาคนไปตาย คำๆ นี้ผมเอามาจากท่านเอง ในสมัย พล.ต.จำลอง (จำได้ไหม) แต่วันนี้ท่านกลับเป็นคนทำเอง (มือถือสาก ปากถือศีล) การแก้ปัญหาทางการเมืองการปกครอง การปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้ดีขึ้นตามที่ท่านชอบนำมากล่าวอ้าง ไม่จำเป็นต้องขายชีวิตประชาชนหรอกครับ เห็นภาพประชาชน กปปส. เผชิญหน้ากับตำรวจ และมีการทำร้ายซึ่งกันและกันที่สะพานผ่านฟ้า ในขณะที่อีกภาพหนึ่งคือคุณสุเทพ และแกนนำนั่งล้อมวงกันอยู่ บนอีกสะพานหนึ่งห่างออกไป มันเป็นภาพที่ขัดกันอย่างยิ่ง เป็นภาพที่น่าละอายแก่ใจ มันเจ็บแปลบในใจจริงๆ นี่หรือคนกล้าที่ผมรู้จัก"