หอการค้าไทย ชี้สงกรานต์ปีนี้คึกคัก เงินสะพัดสูงสุดในรอบ 13 ปี กว่า 132,000 ล้านบาท
logo ข่าวอัพเดท

หอการค้าไทย ชี้สงกรานต์ปีนี้คึกคัก เงินสะพัดสูงสุดในรอบ 13 ปี กว่า 132,000 ล้านบาท

ข่าวอัพเดท : หอการค้าไทย ชี้สงกรานต์ปีนี้คึกคัก เงินสะพัดสูงสุดในรอบ 13 ปี กว่า 132,000 ล้านบาท กระแสแต่งไทยเล่นสงกรานต์บูม หอการค้าไทย,สงกรานต์,เงิน

3,381 ครั้ง
|
11 เม.ย. 2561
หอการค้าไทย ชี้สงกรานต์ปีนี้คึกคัก เงินสะพัดสูงสุดในรอบ 13 ปี กว่า 132,000 ล้านบาท กระแสแต่งไทยเล่นสงกรานต์บูม
 
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ 2561 มีเงินสะพัด 132,162.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.50% จากสงกรานต์ปีก่อนที่มีเงินสะพัด 127,693.59 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินสะพัดและคึกคักสูงสุดในรอบ 13 ปี นับตั้งแต่ปี 2549 ที่มีเริ่มมีการสำรวจโดยประชาชน 34.8% มองว่าสงกรานต์ปีนี้มีความคึกคักและสนุกสนานกว่าปีที่แล้วโดย 81.5% วางแผนไปท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ เป็นค่าใช้จ่ายในประเทศ 3,991.28 บาท และท่องเที่ยวต่างประเทศ 76,840 ล้านบาท ประชาชนวางแผนไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น 11% ประเทศที่นิยมไปเที่ยว คือญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ จีน ส่วน 42.8% วางแผนไปทำบุญมากกว่าปีก่อน และ 29.3% ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้น ขณะที่การซื้อสุราลดลงจากปีก่อนค่อนข้างมาก 
 
สำหรับบุคคลสำคัญ และ นักการเมืองที่ประชาชนอยากรดน้ำดำหัวมากที่สุด คือ พล.อ ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ส่วนดารานักแสดงที่อยากเล่นน้ำสงกรานต์ด้วย คือ โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ และ เบลล่า ราณี แคมเปน 
 
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า หากเศรษฐกิจฟื้นตัวมากกว่านี้จะทำให้บรรยากาศสงกรานต์คึกคักมากกว่านี้ เพราะสงกรานต์ปีนี้ประชาชนวางแผนท่องเที่ยว และ ใช้จ่ายคึกคัก เนื่องจากมีวันหยุดยาว 5-6 วัน ประกอบกับมีรอยต่อวันหยุดวันจักรี วันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนวางแผนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวได้หลายวัน นอกจากนี้ยังมีกระแสความนิยมในการแต่งชุดไทยตามละครบุพเพสันนิวาส และ การส่งเสริมการแต่งชุดไทยเล่นสงกรานต์ของรัฐบาล ทำให้คนนิยมแต่งชุดไทยไปเที่ยวตามวัด และ ตามโบราณสถานต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างขาติมาแต่งกายชุดไทย จะยิ่งสร้างกิจกรรมเศรษฐกิจคึกคักขึ้น
 
นอกจากนี้จากผลการสำรวจพบว่า คนซื้อของเป็นจำนวนชิ้นช่วงสงกรานต์มากขึ้น ถึง 52% โดยใช้เงินเดือนตัวเอง แสดงว่าประชาชนมีกำลังซื้อไม่ได้ใช้เงินออมมาจับจ่าย โดยเฉพาะคนชั้นกลาง มีกำลังซื้อ พร้อมจับจ่าย และท่องเที่ยว ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีความคึกคัก โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ ฯ ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้โต 4.4% และ การส่งออกโต 6%