รศ.นพ.เชิดชัย นพมณีจำรัสเลิศ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช กล่าวในการเสวนา "Robotics For Smart Life" ซึ่งจัดโดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่า วันที่ 1 ส.ค. นี้ โรงพยาบาลศิริราชจะเปิดใช้หุ่นยนต์จ่ายยาอัตโนมัติเต็มรูปแบบ รองรับผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการจากห้องยาประมาณ 1 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งที่ผ่านมาผู้ป่วยเหล่านี้ต้องใช้เวลารอยานานร่วม 1 ชั่วโมง แต่หลังจากการใช้หุ่นยนต์มาช่วยก็จะเหลือเวลารอยาไม่เกิน 15 นาที นอกจากนี้ หุ่นยนต์ดังกล่าวยังเป็นหุ่นยนต์สัญชาติไทย และในอนาคตมีแนวคิดที่จะนำหุ่นยนต์มาช่วยเจ้าหน้าที่พยาบาลมอนิเตอร์สัญญาณชีพ โดยเป็นการศึกษาทดลองใช้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบริการในอนาคตต่อไป
รศ.นพ.เชิดชัยยังระบุว่า เทคโนโลยีหุ่นยนต์ทางการแพทย์ไม่ใช่แฟชั่นหรือกระแส แต่เป็นความจำเป็นที่ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากระบบสุขภาพไทยในอนาคต 5-10 ปีกำลังได้รับความท้าทายจากการเข้าสู่สังคมสูงอายุ ภาคแรงงานลดลง โรคมีความซับซ้อนมากขึ้น ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์สูงขึ้น ดังนั้น หุ่นยนต์จึงมีความสำคัญเพราะเข้ามาเป็นผู้ช่วยในการให้บริการ อีกทั้งไทยจึงจำเป็นต้องผลิตใช้เองแทนเทคโนโลยีนำเข้าที่มีราคาแพง
สำหรับแนวทางการพัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์จะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ 1. หุ่นยนต์ที่สัมผัสหรือฝังภายในอวัยวะ เช่น หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดหรือเจาะเลือด ที่ต้องใช้เวลาพอสมควรในการพัฒนาและต้องการแรงสนับสนุนมาก รวมทั้งการสร้างมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งแม้จะใช้เวลาและแรงผลักดันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรสนับสนุน แต่เป็นเรื่องในระยะยาว ทั้งนี้ ไทยนำเข้าหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดมาใช้แล้วไม่น้อยกว่า 5 ตัว ขณะที่ในเอเชียมีอยู่กว่า 100 ตัว
และ 2. หุ่นยนต์ที่ไม่ต้องเข้าไปในร่างกายมนุษย์ แต่มีส่วนส่วนช่วยให้ดูแลและการบริการดีขึ้น จะทำได้ง่ายและมีโอกาสสำเร็จมากกว่า เช่น กระบวนการให้บริการจัดยาที่มีความแม่นยำ รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น
ด้านนายเฉลิมพล ปุณโณทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีที เอเชีย โรโบติกส์ จำกัด กล่าวในการเสวนาเดียวกันว่า ปัจจุบันมีการผลิตหุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ ที่มีระบบเฝ้าดูแลที่จะแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแล เช่นหากผู้สูงอายุลุกขึ้นจากเตียงก็จะแจ้งไปยังสมาร์ทโฟนของพยาบาลหรือลูกหลานตามที่ตั้งโปรแกรมไว้ จึงไม่จำเป็นต้องมีคนนั่งเฝ้าตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีระบบวิดีโอคอลล์ทำให้ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุสามารถติดต่อญาติ เพื่อน หรือแม้กระทั่งแพทย์ พยาบาล เป็นระบบเรียลไทม์ พูดคุยได้ทันที เพียงแค่แตะไปหน้าหุ่นยนต์เท่านั้น ทั้งยังมีระบบเตือนผู้สูงอายุหรือผู้เฝ้า เช่น ให้กินข้าว กินยา โดยการอัดเสียงเตือนไว้ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับคนไทยที่มักจะลืมกินยาและกินซ้ำ หรือเตือนให้ออกกำลังกาย ให้เข้านอน ขณะเดียวกันยังโหลดข้อมูลหรือวิดีโอคลิปเพื่อความบันเทิงใส่ในหุ่นยนต์ รวมถึงสามารถโหลดเกมฝึกสมอง ช่วยให้เกิดความเพลิดเพลิน คลายเหงาได้ ที่สำคัญสามารถรายงานหรือวัดสัญญาณชีพได้
ซึ่งนโยบายในการสนับสนุนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์การแพทย์ถือว่ามาถูกจังหวะเวลาและเข้ากับยุคสมัย และประเทศไทยยังมีโอกาสในการโฟกัสที่จุดแข็งของประเทศ ซึ่งก็คือ การแพทย์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก มาผสมผสานกับวิศวกร นักวิจัยในการพัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ เพื่อรองรับกับการดูแลประชากรผู้สูงอายุในอนาคต
+ อ่านเพิ่มเติม