บรรยากาศการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้าเป็นทหารกองประจำการประจำปี 2561 ที่โรงเรียนวัดทองใน ซอยสุขุมวิท 77 กรุงเทพมหานครในวันนี้ มีชายไทยมารอเข้ารับการตรวจเลือกเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม ซึ่งเป็นหลานชายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี มารอเข้ารับการตรวจเลือกด้วย ทั้งนี้ นายพริษฐ์ได้ใช้วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาปรัชญาการเมืองเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ยื่นสมัครเข้าเป็นทหารกองประจำการ สังกัดกองทัพบก ผลัดที่1 โดยผ่านขั้นตอนการตรวจร่างกาย วัดขนาด และรอรับใบ สด.43 หรือใบรับรองผลการตรวจเลือกทหารกองเกิน จากพันโทณัฐพัชร์ ฬาทอง ประธานการตรวจเลือกทหารกองประจำการกรุงเทพฯ คณะ1 จากนั้น เข้ารับหมายนัด และขอสิทธิ์ลดวันรับราชการทหารกองประจำการ จาก 2 ปี เหลือ 6 เดือน ซึ่งจะเข้ารายงานตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ นายพริษฐ์ เปิดเผยว่า ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ตนก็ต้องเข้ามาเกณฑ์ทหาร เพราะไม่ได้เรียน รด. ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ตนตัดสินใจเข้าสมัครเป็นทหารมี 2 เหตุผล คือ อยากเลือกช่องทางที่ตรงไปตรงมาและโปร่งใสที่สุด อีกทั้งส่วนตัวเป็นคนรักเสรีนิยม การที่ตนตัดสินใจมาก่อนว่าจะสมัคร ทำให้ตนรู้สึกว่า ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ ไม่ใช่การเสี่ยงโชคแล้วได้ใบที่ตนไม่อยากได้ พร้อมระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วางแผนอนาคตไว้ชัดเจนว่าจะทำอะไรต่อจากนี้
"ผมเคยให้สัมภาษณ์ว่า สนใจงานการเมือง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการที่ผมเป็นตัวแทนของพรรคการเมืองใดๆ ก็คือ ผมเป็นคนไทยที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันกับคนอื่น ดังนั้น ขณะนี้ จึงมุ่งมั่นทำหน้าที่ในส่วนนี้ก่อน" นายพริษฐ์ กล่าว
ส่วนหากปลดประจำการแล้ว ตรงกับช่วงที่ คสช.ปลดล๊อกกิจกรรมทางการเมือง แล้วจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เลยหรือไม่นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับว่า ในเวลานั้น พรรคประชาธิปัตย์มีอุดมการณ์เหมือนกับที่ตนอยากให้มีหรือไม่ นั่นก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ยุคใหม่ ที่ต้องชัดเจนขึ้นในเรื่องของเสรีนิยมประชาธิปไตย ซึ่งหาก คสช.ปลดล๊อกกิจกรรมทางการเมืองแล้ว พรรคประชาธิปัตย์มีอุดมการณ์ที่ตรงกับตน ตนก็จะสมัครเป็นสมาชิก ส่วนจะได้เป็นหนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับสมาชิกของพรรค
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า งานการเมืองในระบบประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ตนสนใจ เพราะเป็นงานที่มีเอกลักษณ์ เจ้านายคือประชาชน ความสำเร็จก็คือ ขึ้นอยู่กับว่า ทำประโยชน์ให้กับประชาขนได้มากน้อยอย่างไร และประชาชนก็จะเป็นผู้ตัดสินว่า ตนควรจะอยู่หรือควรจะหยุดทำงานนี้ ทั้งนี้ หากสมาชิกสนับสนุนให้ตนเป็นผู้สมัคร ตนก็พร้อม
ส่วนการสมัครเข้ารับราชการทหารครั้งนี้ จะเป็นการลบภาพนายอภิสิทธิ์ ที่เคยถูกกล่าวหาเรื่องการหนีการเกณฑ์ทหารหรือไม่นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้มองว่าเป็นการลบภาพ เพราะกรณีของนายอภิสิทธิ์ได้ตัดสินไปแล้ว ได้เห็นข้อเท็จจริงกันแล้ว เรื่องการสมัครเข้ารับราชการทหารนั้น ตนเป็นหนึ่งในประชาชนทุกคนที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ตนก็ทำหน้าที่ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนายอภิสิทธิ์
+ อ่านเพิ่มเติม