ภรรยาอายุ55ปี ใช้มีทำครัวทั้งปลายแหลมและมีดอีโต้ ฆ่าโหดสามีอายุ82ปี หลังนอนป่วยเป็นอัมพาต ตำรวจควคุมตัวสอบสวนต่อ หลังให้การวกวน ในจุดเกิดเหตุ พร้อมสอบพยานอื่น ๆ และประวัติย้อนหลังว่าป่วยทางจิตหรือไม่
เมื่อเวลา 13.30 น. ร.ต.อ.เจตจำนง นุกาศ ร้อยเวร สถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ได้รับแจ้งผู้เสียชีวิต ซึ่งถูกฆาตรกรรม ที่บ้านพัก ตำบลริมกก อำเภอเมือง จึงพร้อมด้วยชุดสืบสวน และ พ.ต.อ.สิทธิชัย ไกรแสง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นครึ่ง พบ นางนภาพร มณีรักษ์ อายุ 55 ปี และ นางสาวภัทรดา มณีรักษ์ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นภรรยาและลูกสาวของผู้ตาย รอเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยอาการตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และที่ห้องนอนชั้น 2 ของ บ้านพบศพ นายเปรม มณีรักษ์ อายุ 82 ปี โดยนอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บนฟูกนอน ตรวจดูที่ศพพบที่ลำคอถูกของมีคมปาดจนคอเกือบขาดและลูกตาข้างซ้ายถูกควักออกจากเบ้าตาจนห้อยรุ่งริ่ง ยังพบมีดของกลางเป็นมีดทำครัวอีโต้และมีดปลายแหลมรวม 2 เล่ม อยู่ด้วย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และประสานตำรวจ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเชียงราย และแพทย์โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เข้าไปตรวจสอบร่วมและแจ้ง เจ้าหน้าที่สมาคมศิริกรณ์เชียงรายบรรเทาสาธารณภัย รับศพเพื่อนำส่งตรวจชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลอย่างละเอียด
เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า นางสาวภัทรดา ผู้เป็นลูกผู้ตาย ได้ไปเช่าจากเพื่อนเพื่อจะปรับปรุงให้เป็นร้านอาหาร แต่ก่อนที่จะปรับปรุงร้านก็ได้ไปรับบิดาซึ่งป่วยเป็นโรคอัมพาตช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ต้องนอนอยู่กับที่นอนให้ไปอยู่ที่ห้องดังกล่าวโดยให้มารดาอยู่เฝ้าดูแลส่วนตัวเองออกไปทำธุระข้างนอก กระทั่งช่วงบ่ายได้กลับไปดูบิดาและมารดาก็พบนายเปรมนอนเสียชีวิตในสภาพนั้นแล้วดังกล่าว จึงรีบแจ้งเพื่อนบ้านและตำรวจให้ไปตรวจสอบแต่ขณะนั้นพบว่า นางนภาพรอยู่ในอาการไม่ปกติโดยเหม่อลอยและตกใจเล็กน้อย และให้การวกวนไปมา เมื่อสอบประวัติ พบมีประวัติป่วยด้วยอาการทางจิตมาก่อนจึงให้ นางสาวภัทรดา ได้ดูแลอาการอย่างใกล้ชิด จากนั้นนำตัวสอบสวนเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรบ้านดู่ เพื่อตรวจสอบหลักฐานอื่น ๆ ประกอบ
พันตำรวจเอกสิทธิชัย ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นสันนิฐานการเสียชีวิตในครั้งนี้ว่าเกิดจากการที่ภรรยาใช้มีดเป็นอาวุธฆ่าสามีของตัวเองจนเสียชีวิต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียด และตรวจสอบประวัติของนางนภาพรเกี่ยวกับอาการป่วยอีกครั้งเพราะเบื้องต้นยังอยู่ในอาการตกใจและไม่สามารถพูดจาได้ตามปกติต่อไป
ทั้งนี้จากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า นางนภาพร ภรรยาผู้ตาย น่าจะใช้อาวุธมีดปลายแหลม แทงเข้าไปที่ตาของผู้ตายก่อน ก่อนที่จะควักลูกตาออก จากนั้นก็ใช้มีดอีโต้ ทำการปาดที่คอ จนผู้ตายเสียชีวิต ทั้งนี้ผู้ตายไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึทำให้ ภรรยาผู้ตายลงมือก่อเหตุได้ง่าย ส่วนสาเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
+ อ่านเพิ่มเติม