ผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบยืนยันพยานปากเอก 2 นายให้การมัดผู้การฯเมืองกาญจนบุรี สั่งแก้สำนวนคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท เอาผิดต้องหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้แน่นอน
ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชุดทำงานคดีลอตเตอรี่มูลค่า 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชี้แจงความคืบหน้าคดีเป็นครั้งที่ 2 โดยพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยเปิดเผย ว่า หลังจากกองปราบปรามสรุปสำนวน และออกหมายจับนายปรีชา ใคร่ครวญ และนางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่นแล้ว ในส่วนตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด วันนี้มีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว จึงให้ชุดคณะทำงานได้ชี้แจงกับสังคม พร้อมย้ำว่าไม่มีมวยล้มต้มคนดู และไม่ได้เข้าข้างตำรวจ
ด้าน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า ท่านผู้การกองปราบในฐานะพนักงานสอบสวน พบว่าในการทำการสอบสวนในคดีที่นายปรีชาแจ้งความดำเนินคดีกับหมวดจรูญ มีการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ท่านผู้การก็มีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้การจ.กาญจนบุรี ส่วนพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องอีกสองนายนั้น พนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางก็เห็นว่าควรกันไว้เป็นพยาน ทำตามประกาศ ป.ป.ช. เมื่อปี 2554 ซึ่งคดีที่เจ้าพนักงานทำผิดต้องยึดตามประกาศของ ป.ป.ช. เป็นหลัก ดังนั้นการดำเนินคดีจึงมีกับผู้การสุทธิเท่านั้น
ทางด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กล่าวว่า กรณีนี้เกิดจากความเชื่อของพลตำรวจตรีสุทธิ ที่เชื่อว่าลอตเตอรี่เป็นของครูปรีชา จึงมีการทำสั่ง ให้ทำสำนวนกลมกลืน เพื่อให้คดีนี้เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล ซึ่งไม่ถึงขั้นทุจริต แต่อาจเกิดจากการขาดวุฒิภาวะ และประสบการณ์ ซึ่งตำรวจจะไม่ใช้ความเชื่อในการทำงานอยู่แล้ว และยังระบุอีกคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อน มีคนที่อยู่ในเหตุการณ์แค่ 3 คน โดยมีพยานหลักฐานนิติวิทยาศาตร์มายืนยัน ว่าหากมีพยานหลักฐานครบสัปดาห์หน้าจะออกหมายเรียกมาให้ปากคำ นอกจากนี้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางยัง ระบุว่า ในคดีนี้มีฝ่ายหนึ่งเสนอผลประโยชน์ ให้กับพลตำรวจตรีสุทธิ แต่จากการตรวจสอบ พลตำรวจตรีสุทธิอ้างว่าไม่ได้รับข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งกรณีนี้ การจะดำเนินการทางวินัยกับพลตำรวจตรีสุทธิ จึงต้องให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดเป็นผู้พิจารณา ว่าจะให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่
ส่วนผู้การเมืองกาญจน์นั้นไม่ได้ทุจริต อาจจะทำงานด้วยวุฒิภาวะที่ต่ำ ขาดประสบการณ์ ขาดความชำนาญ ขาดทักษะในการทำงานเรื่องการสืบสวนสอบสวน จากนั้นก็มีทนายต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ออกมาช่วยทำให้เรื่องนี้มีความต่อเนื่องจนกระทั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเข้าไปทำคดี เมื่อมีทนายต่างๆ ออกมา ผู้การก็คงตกใจ ก็เลยกอดคอด้วยกันกับครูปรีชาให้เรื่องนี้ไปจบที่ศาล เรื่องนี้ไม่ใช่การทุจริต แต่หลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงคำให้การ เพราะเริ่มต้นจากความเชื่อ
ส่วนการดำเนินคดีข้อหา ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของพลตำรวจตรีสุทธิ นั้น พลตำรวจตรี กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ป. ยืนยันว่า การสอบสวนของกองปราบปราม พบว่าเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฏหมาย ในลักษณะที่มีการแก้สาระสำคัญในสำคัญ วัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุต่าง ๆ จึงมีความเห็นให้ร้องทุกข์กับพลตำรวจตรีสุทธิ ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 เนื่องจากเป็นคนสั่งการ พร้อมยืนยันขณะนี้ดำเนินคดีเพียงแค่ตำรวจนายเดียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
;
+ อ่านเพิ่มเติม