ป้าทุบรถปฏิเสธ 2 ใน 3 ข้อหาหลังมอบตัวเรื่องทุบรถคู่กรณี ยันที่จัดสรรให้ทำบ้าน หากยังทำตลาดจะดำเนินคดี
logo ข่าวอัพเดท

ป้าทุบรถปฏิเสธ 2 ใน 3 ข้อหาหลังมอบตัวเรื่องทุบรถคู่กรณี ยันที่จัดสรรให้ทำบ้าน หากยังทำตลาดจะดำเนินคดี

ข่าวอัพเดท : น.ส.รัตนฉัตร และ น.ส.มณีรัตน์ แสงหยกตระการ หรือที่สังคมรู้จักในนามของป้าทุบรถ พร้อมนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เข้ามอบตัวกับพนักงาน ป้าทุบรภ,ประเวศ,กรุงเทพมหานคร

7,164 ครั้ง
|
05 มี.ค. 2561
น.ส.รัตนฉัตร และ น.ส.มณีรัตน์ แสงหยกตระการ หรือที่สังคมรู้จักในนามของป้าทุบรถ พร้อมนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 หลังถูก น.ส.รชนิกร เลิศวาสนา คู่กรณีที่จอดรถขวางหน้าบ้าน แล้วถูกทั้งสองใช้ขวานและเสียมทุบรถ แจ้งความเอาผิด 3 ข้อหา คือ ทำให้เสียทรัพย์ พกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ และข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว
 
 
นายอนันตชัย กล่าวว่า ลูกความทั้งสองเพียงทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากมีคลิป และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่ขอให้เข้าใจว่า ทั้งสองต่อสู้เรื่องนี้มาเป็นเวลากว่าสิบปี เพราะตลาดไม่ถูกต้อง และมีคำสั่งศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวให้เจ้าของตลาด หรือผู้เกี่ยวข้องดูแลไม่ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ลูกความทั้งสอง รวมทั้งไม่ให้จอดรถขวางหน้าบ้าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่า เจ้าของตลาดละเมิดอำนาจศาล และผู้จอดรถขวางหน้าบ้านมีความผิดด้วย ส่วนข้อหาพกพาอาวุธและข่มขู่ ทั้งสองให้การปฏิเสธ เพราะไม่เข้าข้อกฏหมาย เนื่องจากขวานและเสียม ไม่ใช่อาวุธ และลูกความทำทุกอย่างทั้งแจ้งตำรวจ บีบแตร แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง พร้อมกับยกคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีขวานและเสียมจะถือว่าเป็นอาวุธต่อเมื่อมีการใช้ข่มขู่ และทำร้ายเกิดขึ้น กรณีลูกความนำใช้ทุบรถหลังพยายามทำทุกอย่างให้มีการขยับรถออก จึงไม่เข้าข่ายความผิด 
 
นายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า ทั้งสองจะแจ้งความกลับคู่กรณี ในข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญ ตามมาตรา 397 ส่วนข้อหาแจ้งความให้ผู้อื่นรับโทษเกินกว่าเหตุ ลูกความขอเวลา 7 วันในการตัดสินใจ และกล่าวถึงกรณีที่ตอนนี้เขตประเวศกำลังเชิญชวนผู้ประกอบการมาลงชื่อจัดตั้งตลาด ซึ่งยืนยันว่าทำไม่ได้เนื่องจากผิดกฏหมาย เพราะผังเดิมกำหนดให้การก่อสร้างบ้านเดี่ยวสองชั้น หากจะมีการแก้ผังขอเป็นการตั้งตลาดนั้น ต้องดำเนินการโดยผู้ขออนุญาต ไม่ใช่เขต หรือ กทม.
 
ด้าน น.ส.รัตนฉัตร ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่าจะมีการต่อต้านการที่ทางเขตประกาศเชิญชวนให้ตลาดกลับมาเปิดดำเนินการว่า ตนคงไม่ได้ต่อต้าน แต่คงจะมีการบอกกล่าวว่าสิ่งที่คุณทำอยู่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้ายังทำอยู่ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะศาลปกครองสูงสุดก็เคยมีคำตัดสินคดีในลักษณะใกล้เคียงกับคดีนี้ และการจัดสรรที่ดินมีความชัดเจน และประชาชนควรได้สิทธิอันชอบธรรมจากการซื้อที่ดินอย่างถูกต้อง 
 
"เราได้รับกำลังใจจากประชาชนที่ทราบข้อเท็จจริง และเขาก็ทราบว่าสิทธิอันชอบธรรมอยู่ตรงไหน ไม่ต้องการให้ใครมาละเมิด หรือแม้กระทั่งหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่รัฐก็ตาม จะใช้อำนาจต้องใช้ในทางที่ถูกต้อง อย่าใช้อำนาจในทางที่ผิด ชักจูงประชาชนที่ไม่รู้กฎหมายไปทำผิดกฎหมายต่อ ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายค่ะ" น.ส.รัตนฉัตรระบุ
 
ส่วนการประนีประนอมยอมความกับคู่กรณีที่จอดรถหน้าบ้าน น.ส.รัตนฉัตรระบุว่าเป็นหน้าที่ของทนาย พร้อมยืนยันว่าการจัดสรรที่ดินต้องเป็นไปตามใบจัดสรรที่ดินเลขที่ 70/2526 ซึ่งขออนุญาตเพื่อจัดสรรที่ดินเปล่าไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ให้เป็นบ้านเดี่ยวเพื่ออยู่อาศัย ไม่มีการพาณิชย์ ไม่มีการอุตสาหกรรมเท่านั้น ป้ายที่ปรากฎหน้าบ้านตนก็เป็นการสื่อให้เห็นความเดือดร้อนของตน
 
พร้อมกันนี้ทั้งสองคนยืนยันว่าไม่มีการโทรมาเคลียร์จากทางเขต ยกเว้นแต่มีการ Big Cleaning ซึ่งตนมาวันนี้ก็อยากให้มีการ  Big Cleaning กทม. ให้ประชาชนลุกขึ้นมาทำให้ กทม.สงบสุขเหมือนหมู่บ้านของตน
 
ส่วนเรื่องการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ กทม. หากปรากฎว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้เกิดตลาดมากว่าสิบปีได้นั้น ทนายของน.ส.รัตนฉัตรและน.ส.มณีรัตน์ ระบุว่าเรื่องนี้ น.ส.รัตนฉัตรและน.ส.มณีรัตน์ไม่อยากทะเลาะกับเจ้าหน้าที่เขต หากมีการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่คงปล่อยให้เป็นเรื่องของทางราชการ น.ส.รัตนฉัตรและน.ส.มณีรัตน์คงไม่ฟ้องร้องและคงอโหสิกรรมให้ อย่างไรก็ดี ตนได้รับทราบว่ามีประชาชนคนหนึ่งแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ว่าฯ, อดีตผู้ว่าฯ และเจ้าหน้าที่ กทม. ซึ่งอาจถูก ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งก็คงลำบากพอแล้ว และตนอยากบอกผ่านสื่อมวลชนไปยังเจ้าหน้าที่รัฐ, เจ้าของรถที่ทำให้เกิดเหตุเรื่องนี้ว่า น.ส.รัตนฉัตรและน.ส.มณีรัตน์ให้อภัยเสมอ ขอให้มาพูดกัน ให้ทำตามกฎหมาย แล้ว น.ส.รัตนฉัตรและน.ส.มณีรัตน์ก็จะยินดีอภัยให้
 
นอกจากนั้น น.ส.มณีรัตน์ ยังระบุว่าตนอยากสื่อไปยังเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายว่า ตนไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร และไม่เคยเป็นศัตรูกับพ่อค้าแม่ค้า แต่ถ้าบ้านของคุณมีรถเข้าออกตลอดเวลาคุณจะทำอย่างไร วันนั้นตนรู้สึกเหลือทนจริงๆ และใช้ทุกอย่างวิถีทางแล้วแต่ก็ยังเพิกเฉย จึงอยากฝากหน่วยงานของรัฐว่าอย่าชี้นำ ตนเองเป็นผู้ใช้กฎหมาย รักษากฎหมาย อย่าชี้นำให้ประชาชนทำผิดกฎหมายแล้วมาหาผลประโยชน์ด้วยการทำผิดกฎหมายที่คุณละเลย นี่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน ตนอยากเชิญให้หน่วยงานรัฐ นักวิชาการ ผู้รู้ทั้งหลายเข้าไปตรวจสอบย้อนหลังถึงการต่อสู้ที่ผ่านมาของหมู่บ้านนี้