จากกรณีเมื่อวันที่ 11 ก.พ.61 ที่ผ่านมา ว่ามีเด็กชายวัย 2 ขวบเศษ กินขนม “อาลัว” แล้วติดคอมารักษาตัวที่ รพ.กบินทร์บุรี และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา เบื้องต้นตามที่พ่อเลี้ยงให้การว่าเด็กได้กินขอขนม “อาลัว”ประชาชนยังให้ความสนใจ ของการเสียชีวิตของหนูน้อย ล่าสุดผลพิสูจน์ออกมาว่าเด็กมีเลือดออกในสมอง คาดว่าน่าจะถูกทำร้ายร่างกายก่อนยัดขนม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดได้ส่งศพเด็กชายวัย 2 ขวบให้แพทย์โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรชันสูตร ซึ่งผลชันสูตรออกมาว่ามีเลือดออกในสมอง และตามลำตัวมีบาดแผลหลายแห่ง รวมทั้งขาข้างขวาที่หักก่อนหน้านั้นมีรอยเขียวซ้ำเหมือนถูกเตะ ส่วนที่ว่าขนมติดคอนั้นต้องรอเอกสารยืนยันจากแพทย์อีกครั้ง ส่วนศพทางญาติของแม่เด็กได้รับศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่บ้านเกิดจังหวัดปทุมธานี
ด้าน พ.ต.ท. อเนก อุ่นจันทร์ รอง.ผกก.(สอบสวน) สภ.กบินทร์บุรี กล่าวว่า เบื้องต้น ได้รับรายงานว่า ผลชันสูตรจากแพทย์พบว่าเด็กมีเลือดในออกในสมอง น่าจะเกิดจากได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และตามร่างกายมีร่องรอยเหมือนการถูกทำร้ายหลายแห่ง ส่วนที่พ่อเลี้ยงนั้นต้องรอเอกสารยืนยันจากแพทย์อีกครั้งใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ จึงจะรู้ผล
ส่วนด้านการสอบสวนจะได้เรียกพยานใกล้ชิดมาสอบเพิ่มเติม ขณะเกิดเหตุไม่มีใครเห็นเหตุการณ์โดยแม่เด็กอ้างว่าได้ปล่อยให้เด็กอยู่กับสามีใหม่ตามลำพัง ส่วนตนนั้นอยู่นอกบ้านออกไปช่วยน้าทำงาน จนกระทั่งนายนิสสรณ์ ซึ่งเป็นสามีใหม่ วิ่งมาบอกว่าขนมติดคอลูกตนจึงวิ่งกลับมาดู ก่อนที่จะนำส่ง รพ.
เบื้องต้นจะให้ชุดสืบสวนออกหาข่าว และจะเรียกตัวแม่เด็กรวมทั้งตัวพ่อเลี้ยงมาสอบสวนเพิ่มเติม ถ้าพบหลักฐานว่าทั้ง 2 คนร่วมกันทำร้าย เด็กชายวัย 2 ขวบเศษ โดยอ้างว่าเด็กกินขนมติดคอเพื่ออำพรางคดี จะได้แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อนำตัว 2 ผัวเมียมาดำเนินคดีต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม