เมื่อวันที่ 31 ม.ค. พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 แถลงสรุปคดีหาเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล 30 ล้านบาทว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนคดีนี้เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2560 โดยต้องทำให้กระจ่างใน 3 ประเด็น เริ่มจาก 1.เส้นทางของลอตเตอรี่ 2.แม่ค้าขายให้ครูปรีชา ใคร่ครวญ จริงหรือไม่ 3. ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ได้ลอตเตอรี่มาอย่างไร ซื้อมาหรือเก็บได้
พล.ต.ท.กิตติพงษ์กล่าวว่า ประเด็นแรก เส้นทางของลอตเตอรี่ ตรวจสอบพบว่าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้จำหน่ายลอตเตอรี่มายังยี่ปั๊วสนามบินน้ำแล้วรวมชุด โดยมีพยานยืนยันว่ายี่ปั๊ว 5 เจ้าขายให้ยี่ปั๊วสนามบินน้ำ จากนั้นแผงลอตเตอรี่สนามบินน้ำขายให้แม่ค้าที่ตลาดเรดซิตี้ อ.เมืองกาญจนบุรี โดยมีพยานยืนยัน 3 ปาก จากนั้นแม่ค้าคนที่ 1 ขายต่อให้แม่ค้าอีกคนที่เปิดแผงในตลาดเรดซิตี้
พล.ต.ท.กิตติพงษ์กล่าวอีกว่า ประเด็นที่สอง แม่ค้าขายให้ครูปรีชา ใคร่ครวญ จริงหรือไม่ จากการสอบสวนและตรวจสอบพบว่าแม่ค้าอีกคนขายให้ครูปรีชาจริงตามพยานหลักฐาน
และประเด็นที่สามที่ว่า ร.ต.ท.จรูญซื้อหรือเก็บลอตเตอรี่ได้นั้น จากการสืบสวนร.ต.ท.จรูญไม่ยืนยันซื้อจากแม่ค้าคนใด แต่เจ้าหน้าที่มีพยานยืนยันว่าร.ต.ท.จรูญเก็บได้ จึงเชื่อว่าร.ต.ท.จรูญเก็บลอตเตอรี่ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคลิปภาพที่อ้างว่าเห็น ร.ต.ท.จรูญเก็บลอตเตอรี่ ตำรวจได้เห็นคลิปดังกล่าวหรือไม่ พล.ต.ท.กิตติพงษ์ระบุว่ายังไม่เห็นคลิปเก็บลอตเตอรี่ มีแค่พยานบุคคลระบุว่าหมวดจรูญลงไปเก็บ แต่ตรวจสอบกล้องแล้วไม่พบอะไรเพราะผ่านไปนานเกินไป และไม่ทราบว่ามีอยู่ที่ไหนอีก ซึ่งหากใครมีก็สามารถเอามาให้ได้ ที่ครูปรีชาบอกว่ามีภาพกล้องวงจรปิดอันนี้ตำรวจยังไม่ได้รับ และตำรวจก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่ามีอยู่จริง
เมื่อถามถึงขั้นตอนต่อไปหลังจากนี้ พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ระบุว่า เรามีความเห็นว่าคดีนี้มีมูล แต่ยังไม่ใช่การตัดสิน ซึ่งทีมสอบสวนจะออกหมายเรียกตัว ร.ต.ท.จรูญมาแจ้งข้อกล่าวหา "ยักยอกทรัพย์" หรือ "รับของโจร" ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้เก็บลอตเตอรี่ได้ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบ ซึ่งก็แล้วแต่ ร.ต.ท.จรูญจะให้การ และเข้าสู่กระบวนการสอบสวนต่อไป
ส่วนกรณีที่ ร.ต.ท.จรูญอ้างว่ามีพยานสามปากที่ตำรวจไม่เรียกสอบนั้น พล.ต.ต.กฤษณะระบุว่า ร.ต.ท.จรูญอ้างว่ามีพยานสามปากจริง แต่ไม่บอกชื่อ นามสกุล ที่อยู่ โดยบอกว่าจะนำมาให้พนักงานสอบสวนเอง แต่ถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เอามาให้ ตอนนี้จึงสอบสวนได้แค่ ร.ต.ท.จรูญและภรรยา หาก ร.ต.ท.จรูญ จะเอามาให้หลังออกหมายเรียกก็ทำได้ หรือมีวัตถุพยานก็สามารถนำมาให้ตำรวจได้ ตำรวจก็พร้อมจะไปสอบสวนต่อไป แต่ตำรวจได้เข้าไปหาข้อมูลอย่างละเอียด จนได้พยานเพิ่มเติมที่เห็นว่าแม่ค้าคนที่ 2 ขายสลากให้ครูปรีชา และพยานอีกคนที่บอกว่าร.ต.ท.จรูญเป็นผู้เก็บลอตเตอรี่ และตอนนี้การให้การของพยานฝั่งครูปรีชายังไม่มีพยานหลักฐานว่ามีขบวนการให้การเท็จ
เมื่อถามว่าพยานบุคคลเชื่อถือได้แค่ไหน พล.ต.ท.กิตติพงษ์ตอบว่าถ้าเขาไม่ได้ถูกขู่เข็ญบังคับ ทางกฎหมายก็ต้องสอบสวนในฐานะพยาน ตรวจสอบพยานแล้วยังไม่พบพิรุธ โดยกรณีนี้มีหลักฐานจากยี่ปั๊วว่ามีหวยชุดอยู่สามชุด ขายไปแล้วสองชุด เหลือชุดเดียวอยู่ที่แม่ค้า และมีพยานซึ่งเป็นลูกค้าขาประจำของแม่ค้าพยายามจะซื้อ 726 นี้ แม่ค้าบอกว่าไม่ได้ มีคนขอซื้อไว้แล้ว และมีพยานอีกคนหนึ่งพยายามจะขอแบ่งสลากจากครูปรีชา ซึ่งครูปรีชาก็ไม่ให้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ครูปรีชาบอกว่าทำสลากหาย สถานที่เกิดเหตุสอดคล้องกับการที่ร.ต.ท.จรูญถูกกล่าวหาว่าเก็บสลากได้ใช่หรือไม่ พล.ต.ท.กิตติพงษ์ตอบว่าสอดคล้องกัน แต่การตรวจนับสลากที่ครูปรีชาอ้างว่าทำหายนั้น ครูปรีชาระบุว่าไม่ได้ตรวจนับ มันหายไปก่อน เมื่อถามว่าครูบอกว่ามีหลักฐานในการสนทนาทางไลน์ ตำรวจบอกว่าได้รวบรวมไว้ในสำนวนการสอบสวนแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า กรณีที่ครูปรีชาอ้างว่าเป็นเจ้าของ แต่ตอนแรกที่เกิดประเด็นนี้ ครูปรีชากลับขอแบ่งเงินรางวัลคนละ 15 ล้านเป็นเพราะเหตุใด ตำรวจไม่ตอบโดยระบุว่าอยู่ในสำนวนเช่นกัน จากนั้นถามต่อว่าพยานบุคคลใช้การพูดปากเปล่าจะมีน้ำหนักให้สรุปได้เลยหรือไม่ ตำรวจตอบว่าการสอบสวนที่ผ่านมาสอดคล้องกัน ยังไม่พบพิรุธ ซึ่งมีพยานอีกเยอะที่ไม่ได้ออกสื่อ รวมถึงพยานที่แต่ละฝ่ายอ้างว่ามีแต่ยังมาไม่ถึงตำรวจนั้น ทางตำรวจคาดไว้แล้วว่าเขาจะเอาใครเป็นพยาน ส่วนหลักฐานที่มีก็ต้องว่าไปตามนี้ก่อน แต่หากมีอะไรจริงๆ คดีนี้ก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อถามว่า ขั้นตอนการสรุปสำนวนส่งฟ้องจะใช้เวลานานเท่าใด ตำรวจตอบว่าขึ้นอยู่กับจำนวนพยานของร.ต.ท.จรูญ และผู้สื่อข่าวถามปิดท้ายว่า กรณีนี้เชื่อได้ว่าครูปรีชาซื้อลอตเตอรี่จริงใช่หรือไม่ ตำรวจยืนยันว่าใช่
พล.ต.ท.กิตติพงษ์กล่าวสรุปว่าคดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจมาก ตั้งแต่รับราชการมา เป็นคดีที่ได้รับความสนใจที่สุด ซึ่งตำรวจได้ทำคดีอย่างรอบคอบ คัดเลือกพนักงานสอบสวนอย่างเป็นกลาง และได้รับคำสั่งการที่จะให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย และเอาความจริงมาให้ได้ ซึ่งเราก็พยายามตอบคำถามสื่อซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งหมด ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับประชาชนจะตัดสิน