ตร.ตรวจเก๋งคดี 'เผานั่งยางชาวอิตาลี' พบคราบเลือด ตรวจลายนิ้วมือแฝงเพิ่ม พบมีบุคคลที่ 3 ร่วมก่อคดี
logo ข่าวอัพเดท

ตร.ตรวจเก๋งคดี 'เผานั่งยางชาวอิตาลี' พบคราบเลือด ตรวจลายนิ้วมือแฝงเพิ่ม พบมีบุคคลที่ 3 ร่วมก่อคดี

4,038 ครั้ง
|
30 ม.ค. 2561
ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์รถยนต์เก๋งซึ่งผู้ต้องหาใช้ในการก่อเหตุและหลบหนีการจับกุม เพื่อตรวจสอบหาวัตถุพยานเพิ่มเติม พบคราบเลือดบริเวณท้ายรถ ตรวจลายนิ้วมือแฝงเพิ่มเพื่อติดตามหากมีบุคคลที่ 3 ร่วมก่อเหตุ 
 
จากกรณีพบศพของนาย จูเซปเป เดอ สเตฟา นี ชาวอิตาลี วัย 61 ปี ถูกฆ่าเผานั่งยางที่บริเวณป่าข้างบึงน้ำบึงทับจั่น  เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ส่วนคนร้ายตามหมายจับ คือนางสาวรุธจิรา เอี่ยมละม้าย อายุ 38 ปี และนายอาโมรี ริโก สามีชาวฝรั่งเศส อายุ 34 ปี ซึ่งหลังก่อเหตุได้หลบหนีและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เมื่อวานที่ผ่านมาก
 
ล่าสุด เมื่อเวลา 08.30 น ที่ผ่านมา พลตำรวจตรีธวัชชัย มวลนรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร ระบุว่า หลังจากที่มีการแยกขังผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน โดยนายอาโมรี ริโก ขังไว้ที่สถานีตำรวจบึงนาราง ส่วนนางสาวรุธจิรา เอี่ยมละม้าย ขังไว้ที่สถานีตำรวจภูธรโพทะเล และได้ทำการสอบสวนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เพื่อเค้นหาความจริง ก็ทำให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากขึ้นแล้ว โดยพบว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ได้มีการเตรียมการเพื่อจะฆ่าเผานายจูเซปเป โดยการออกไปซื้อน้ำมันมาเตรียมไว้
 
โดยนางสาวรุธจิรา เอี่ยมละม้าย ที่ให้การว่าในวันเกิดเหตุ ตนเอง และสามีชาวฝรั่งทั้ง 2คน ออกไปเคลียรปัญหากัน ในจุดที่พบคราบเลือด ริมคลองชลประทาน โดยสามีชาวฝรั่งทั้ง 2 คน ได้ออกไปเคลียร์กันที่หลังรถส่วนตนเองนั่งอยู่ในรถ โดยนายอาโมรี ริโก ได้ใช้มีดทุบหัว และปาดคอนายจูเซปเป หลังจากนั้นจึงมาเรียกตนเองให้ไปช่วยกันยกศพใส่ท้ายรถเพื่อนำไปเผา 
อย่างไรก็ตามนายอาโมรี ริโก ยังคงให้การภาคเสธในการใช้มีดสังหารนายจูเซปเป แต่รับว่าได้ออกไปซื้อน้ำมันมาด้วยกัน ซึ่งในช่วงเที่ยงวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการนำผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คนไปชี้จุดเกิดเหตุประกอบสำนวน
 
 
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดพิจิตร เข้าตรวจพิสูจน์รถยนต์โตโยต้า ยารีส ทะเบียน กค-1374 สมุทรสงคราม ที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุและหลบหนีเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม พบลอยคราบเลือดบริเวณด้านท้ายรถที่ผู้ต้องหานำศพนายจูเซปเป ขึ้นไปไว้ก่อนนำศพไปทำลายด้วยการเผานั่งยาง จึงเก็บตัวอย่างคราบเลือดเพื่อส่งตรวจว่าดีเอ็นเอตรงกับศพหรือไม่
 
นอกจากนี้ยังตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงเพื่อจะใช้เป็นวัตถุพยานสาวไปถึงบุคคลที่ 3 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะมีบุคคลที่ 3 ร่วมลงมือในครั้งนี้ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง