นายกรัฐมนตรี รวมกำลังข้าราชการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ สู่ ไทยแลนด์ 4.0 พูดสร้างแรงบันดาลใจ หวังพัฒนาข้าราชการไทย ปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิทัล ปี 61 ถือเป็นปีเปลื่ยนแปลงระบบราชการ ส่วนคำว่าไทยนิยม ขอคนไทยนิยมความดี ยืดหลักประชาธิปไตยสากล ทุกวันนี้สวดมนต์ให้ประเทศ และสวดให้ คสช.อยู่รอดปลอดภัยทุกคน หลังจบงานนายกรัฐมนตรีปัดตอบเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ แต่ยืนยันไม่มีใบสั่งคสช.ถึงสนช.ให้เลื่อนประกาศใช้กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานงานสัมมนานักบริหารระดับสูงเพื่อบูรณาการการพัฒนาประเทศไทย 4.0 จัดโดย สำนักงาน ก.พ. ที่ศูนย์การประชุม อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยวันนี้นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ผู้บริหารส่วนราชการกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ : One country One Team” เพื่อการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริหารส่วนราชการในการร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 โดยมีปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองปลัดกระทรวง ผู้ตรวจราชการกระทรวง อธิบดี รองอธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด กรรมการข้าราชการพลเรือน ปลัดกรุงเทพมหานคร และรองปลัดกรุงเทพมหานคร รวม 850 คน
นายกรัฐมนตรี ระบุ เวลานี้ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เช่นเดียวกับเรื่องประชาธิปไตยไทยนิยมที่ได้พยายามอธิบายมาโดยตลอดว่าให้คนไทยนิยมความดี เพราะคนไทยรักใครก็รัก ดังนั้น จึงอยากให้คนไทยนิยมประชาธิปไตย ที่เป็นสากล เพราะที่ผ่านมาไม่เคยตัดลดทอนความเป็นประชาธิปไตยสากลเลยด้วยซ้ำ ซึ่งไทยนิยมนั้น ต้องไม่ขัดแย้งกัน แต่ต้องนำไปสู่การขับเคลื่อนแบบประชารัฐ จากนี้ข้าราชการและประชาชนต้องพูดไทยนิยมให้ติดปาก เชื่อว่าไทยนิยมจะตอบคำถามของทุกคนได้หมด อีกทั้งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ใช้หลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์มาบริหารประเทศควบคู่ไปด้วย
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจหลังมีคนไปแสดงความคิดเห็นในโซเซียลมีเดีย เกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธ ยุทโธปกรณ์ของกองทัพ ที่ไม่ควรให้ความสำคัญ แต่ควรไปติดตามสงครามที่รบกันโซเซียลมากกว่า ซึ่งเรื่องนี้อยากชี้แจงว่า ประเทศไทย มีอาณาเขตที่ติดพื้นที่ชายแดน กว่า 5,000 กิโลเตร รอบประเทศ จึงขออย่ามองว่ารัฐบาลเอาเงินไปให้กองทัพมากจนเกินไป เพราะการดูแลประเทศไม่ได้มีมุมเดียว แต่รัฐบาลต้องดูแลและรักษาอธิปไตยไว้ เพราะชีวิตของประชาชนสำคัญที่สุด
และจากนี้อีก 3 ปี ประเทศไทยต้องลดปัญหาความเหลื่อมล้ำให้ได้ เพราะรัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่การใช้งบประมาณต้องสอดคล้อง เพื่อนำไปสู่ “ไทยนิยม-ประชารัฐ-ยั่งยืน” และไม่ได้ทำเพื่อการเมืองในอนาคต อีกทั้งไม่เคยบอกว่าช่วงระยะเวลาที่ตัวเองบริหารงานนั้นดีที่สุด หรือทำดีกว่าใคร แต่ทั้งหมดต้องนำไปสอดรับกับ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ยืนยันว่าการแจกบัตรสวัสดิการคนจน ไม่ได้เป็นการหวังผลทางการเมือง แต่เป็นการช่วยเหลือคนยากจนเท่านั้น
ส่วนปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในระบบราชการ ก็ต้องยืดหลักกฏหมาย ขออย่ากล่าวหาว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยให้ใครตรวจสอบ ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้เซ็นต์เอกสารให้ตรวจสอบไปหลายรายแล้ว และไม่เคยสั่งให้หยุดตรวจสอบ แต่ให้ดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อผลสรุปออกมาจากองค์กรอิสระ กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกพ้องเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้การตัดสินเป็นเรื่องของคณะกรรมการหลายคน ไม่ใช่เพียงคนคนเดียว
ทั้งนี้ ในปี 2561 ตนอยากให้เป็นปีพัฒนาระบบข้าราชการไทยไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ที่ต้องสร้างการรับรู้ ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาความยากจนให้ได้ ก่อนชี้แจงว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี ไม่ได้ไปควบคุมใคร หรือไม่ได้สืบทอดอำนาจใดๆทั้งสิ้น และไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่เป็นการนำเอาแผนมาพัฒนาให้ตรงจุด มีตัวเลข ทิศทางให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่างๆ ทุกวันนี้ก่อนนอนนายกรัฐมนตรีบอกว่าได้สวดมนต์ให้หมด สวดให้ประเทศไทย และยังสวดมนต์ให้ คสช. ขอให้อยู่รอดปลอดภัยทุกคน และในวันหน้าที่ตัวเองก็จะกลายเป็นแค่ประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่ง ตอนไหนยังไม่รู้แต่ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็ป
ขณะเดียวกัน ได้มีการจัดแสดงนิทรรศการ ผลงานของสำนักงาน ก.พ.ในด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลภาครัฐ อาทิ The leader’s Story หลักสูตรสร้างผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง (ป.ย.ป.2/1) แนวทางการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการ และบุคลากรภาครัฐ เพื่อปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิทัล
โดยภายหลังเสร็จสิ้นการปาฐกถา นายกรัฐมนตรีได้เดินชมนิทรรศการภายในงานและระหว่างเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกรัฐมนตรี ว่า จะมีการเลือกตั้งภายในปี 2561 หรือไม่ นายกรัฐมนตรีได้ปฏิเสธตอบคำถาม แต่เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามอีกว่า คสช.มีใบสั่งให้สนช.ลงมติเลื่อนประกาศใช้กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ออกไปอีก 90 วันหลังจากประกาศราชกิจจานุเบกษา หรือไม่ นายกรัฐมนตรีโบกมือพร้อมบอกว่า “ไม่มีใบสั่งอะไรทั้งนั้นจากคสช.”
+ อ่านเพิ่มเติม