ผอ.รร.ในจ.อุดรฯ แจงดราม่าไม่ส่งเด็กป่วยไปรพ. ยันเรียกรถรพ.-ทำตามขั้นตอน-เจรจาผู้ปกครองแล้ว
logo ข่าวอัพเดท

ผอ.รร.ในจ.อุดรฯ แจงดราม่าไม่ส่งเด็กป่วยไปรพ. ยันเรียกรถรพ.-ทำตามขั้นตอน-เจรจาผู้ปกครองแล้ว

ข่าวอัพเดท : ผอ.รร.ดังในจังหวัดอุดรฯแจง เหตุไม่ส่งเด็กป่วยไปรพ. เกิดความเข้าใจผิด ยืนยันรร.ดูแลเด็กตามขั้นตอนและเจรจากับผู้ปกครองแล้ว ชี้คนโพสต์ไ อุดรธานี,โรงเรียน,นักเรียน,บาดเจ็บ

18,121 ครั้ง
|
16 ม.ค. 2561
ผอ.รร.ดังในจังหวัดอุดรฯแจง เหตุไม่ส่งเด็กป่วยไปรพ. เกิดความเข้าใจผิด ยืนยันรร.ดูแลเด็กตามขั้นตอนและเจรจากับผู้ปกครองแล้ว ชี้คนโพสต์ไม่ได้อาศัยอยู่กับเด็ก ไม่รู้เหตุการณ์ทั้งหมด 
 
จากกรณีมีการแชร์โพสต์เฟสบุ๊กของผู้ใช้ชื่อว่า "Nam Nam" ได้โพสภาพของเด็กนักเรียนหญิงรายหนึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยมีอาการคล้ายคนอ่อนแรง สวมชุดยุวกาชาด พร้อมระบุข้อความว่า "ไม่เคยคิดว่าจะเกิดกับน้องตัวเองเลยจริง ๆ มีเด็กกระโดดถีบหน้าอกน้อง หลังจากนั้นน้องหน้าซีดตัวเกร็งหายใจไม่ออก ไม่มีครูคนไหนโทรหาผู้ปกครอง จนน้องสลบ มีคนไปตามพี่สาวของน้องซึ่งเรียนโรงเรียนเดียวกัน เห็นสภาพของน้องที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน พี่สาวน้องโทรหาแม่พร้อมเล่าอาการเลยบอกให้ครูเรียกรถพยาบาลก่อนที่แม่จะไปถึงเพราะบ้านอยู่ไกล  แต่รอง ผอ.บอกว่าไม่มีรถ คือ ซึ่งครูบอกให้ดูอาการทั้ง ๆ ที่น้องร้องไห้ หายใจไม่ออกจนสลบ พ่อของน้องจึงได้โทรให้รถพยาบาลมารับพร้อมกับขับรถมาจากที่ทำงาน พอรถโรงบาลมารับ ครูกับบอกว่าทำข้ามหน้าข้ามตาโรงเรียน ทั้งๆ ที่พอไปถึงหมอ หมอบอกว่าถ้ามาช้าแค่ 5 นาที สมองน้องจะขาดออกสิเจน #เหตุเกิดที่ รร. #ครูคิดว่าน้องไม่เป็นไร #น้องนู่เกือบตาย #ณ รร.เทศบาลแห่ง 1ในเมืองอุดรธานี" 
 
ล่าสุด น.ส.อารีรัตน์ นุตะภิบาล ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 3 บ้านเหล่า เปิดเผยว่าเรื่องดังกล่าวเกิดเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเด็กที่ได้รับบาดเจ็บเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเกิดเหตุวิ่งเล่นกับนักเรียนชาย โดยเด็กนักเรียนชายตัวโตกว่าใช้เท้าถีบหน้าอกนักเรียนหญิงได้รับบาดเจ็บที่หน้าอกและเป็นลม หลังเกิดเหตุเพื่อน ๆ นักเรียนก็วิ่งมาตามครูที่ห้องพักครู นำตัวเด็กไปที่ห้องพยาบาลและโทรตามรถพยาบาลตามกระบวนการขั้นตอน แต่เด็กคนนี้มีพี่สาวเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนเดียวกัน จึงโทรตามพ่อด้วยโทรศัพท์ของครู 
 
"เมื่อพ่อมาถึงเห็นว่ารถพยาบาลยังมาไม่ถึง คงเกิดความร้อนใจ เพราะเห็นว่าลูกอาจจะมีสภาวะที่อ้าปากหายใจแรง ร้องไห้ตลอด มีความกังวล จึงโทรศัพท์แจ้งเรียกรถพยาบาลอีกครั้ง ซึ่งตรงนี้ทางพ่ออาจจะเข้าใจว่า ทางโรงเรียนไม่ได้ตามรถพยาบาล แต่เป็นเพราะทางพ่อโทรตามเอง รถพยาบาลจึงมา อาจจะมีการคิดว่าอย่างนั้น ซึ่งเรื่องนี้เรายืนยันว่า ทางครูและกระบวนการของทางโรงเรียนตามปกติ ที่เร่งรัดและให้ความสำคัญในการตามรถพยาบาล เมื่อรถพยาบาลนำส่ง ครูก็ตามไปดูแล 2 คน ไม่ใช่ไม่ไปดูแล และก็ไม่ใช่ทางโรงพยาบาลมาตามครูไป ครูเราไปเอง ซึ่งตนได้กำชับว่า ครูต้องตามไปดูแลให้เรียบร้อย และเด็กก็ออกจากโรงพยาบาลในช่วงบ่ายวันเกิดเหตุ ไม่ได้นอนค้างที่โรงพยาบาลแต่อย่างใด เพราะทางหมอดูอาการแล้วว่า ไม่มีอะไรรุนแรง"
 
น.ส.อารีรัตน์ฯ กล่าวอีกว่า จนเมื่อวันจันทร์ (วานนี้) ช่วงเช้า ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 ฝ่าย ได้นัดมาคุยกันที่โรงเรียนและมีการทำข้อตกลงขอค่าทำขวัญค่าเสียหาย ซึ่งมีการตกลงจ่ายเงินกันเรียบร้อย เป็นเงินจำนวน 10,000 บาทและทางโรงเรียนก็ได้แสดงความเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นที่ทำให้ผู้ปกครองของเด็กไม่สบายใจ และขอโทษหากทางผู้ปกครองเด็กคิดว่าล่าช้า แต่เรายืนยันว่า เราให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกิดขึ้น และดำเนินการด้วยความรวดเร็ว ซึ่งทางผู้ปกครองเด็กเข้าใจและยอมรับในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งก็จบเรื่องไปแล้วตั้งแต่ช่วงเช้าวันจันทร์
 
"แต่หลังจากนั้น มีการโพสภาพข้อความในช่วงเย็นวันจันทร์โดยบุคคลอื่นซึ่งไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้ โดยทางผู้ปกครองเด็กก็ไม่ทราบเรื่องการโพสต์ เพราะคนโพสต์เป็นหลานที่อยู่ที่อื่น ซึ่งทางผู้ปกครองบอกว่าจะไปคุยกับคนโพสต์ว่าข้อมูลที่โพสต์ไปไปตรงกับข้อเท็จจริง"
 
ขณะที่ความเคลื่อนไหวจากเฟสบุ๊กของผู้โพสเรื่องดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความว่า "ขอขอบคุณทุกคนมากนะค่ะที่รักน้องเราทราบซึ้งในทุกแรงใจเป็นอย่างยิ่ง เราดำเนินการกับคู่กรณีไปแล้วและเราได้คุยกับ ผอ แล้วและทางโรงเรียนได้รับเรื่องและรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว และเราต้องขออภัยที่ต้องลบโพสไป ต่อจากนี้ขอให้มันเป็นไปตามขบวนการณ์ค่ะ" และปรากฎว่าเรื่องราวของเด็กหญิงนักเรียนก็ถูกลบไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง