ประชุมครม.-คสช. ออกมาตรการมอบของขวัญปีใหม่ ลุ้นปลดล็อกการเมือง เตรียมพร้อมผลิตเหรียญกษาปณ์ ร. 10 ใช้ต้นปีหน้า
logo ข่าวอัพเดท

ประชุมครม.-คสช. ออกมาตรการมอบของขวัญปีใหม่ ลุ้นปลดล็อกการเมือง เตรียมพร้อมผลิตเหรียญกษาปณ์ ร. 10 ใช้ต้นปีหน้า

4,038 ครั้ง
|
19 ธ.ค. 2560
 
ที่ประชุม ครม.-คสช.พิจารณามาตราการของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน มอบเช็คเงินสดและชุดของขวัญเด็กแรกเกิด 1,000 บาททั่วประเทศ คืนดอกเบี้ยให้กับลูกค้าให้กับธนาคารออมสินและธกส.ที่มีประวัติดี กระตุ้นท่องเที่ยวใช้จ่ายเมืองรองลดหย่อนภาษีไม่เกิน 15,000 บาท ขอความเห็นชอบ ออกกฏหมายผลิตเหรียญกษาปณ์ ร.10 ใช้ต้นปีหน้า. ขณะที่นายกรัฐมนตรีให้รอผลประชุมปลดล๊อกพรรคการเมืองเป็นของขวัญปีใหม่หรือไม่
 
พลเอกประยุทธ์. จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบรางวัล Prime Minister Award :National Startup 2017 ให้เอกชนที่สร้างระบบคิวอาร์โค๊ต ให้สามารถชำระผ่านบัตรได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา พร้อมมอบรางวัลให้กับเอกชนที่แก้ปัญหาความยากโดยใช้โมเเลธุริกิจแก้ปัญหาความยากจนให้ชาวนาไทย ด้วยแนวคิดเกษตรอินทรีย์ ก่อนประชุม คสช.- ครม. 
 
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวสั้นๆ ก่อนประชุม ว่าต้องรอที่ประชุมจะมีการพิจารณาปลดล็อคพรรคการเมืองเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับนักการเมืองหรือไม่ รวมถึงมาตรการของขวัญปีใหม่แต่ละกระทรวงที่จะมอบให้ประชาชนช่วงปีใหม่
 
ขณะที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ. รองหัวหน้าคสช. และรองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบคำถาม โดยกล่าวว่ายังไม่ทราบที่ประชุมจะมีการพิจารณาหรือไม่ รวมถึงไม่ตอบท้อใจ หลังบ่นเหนื่อยถูกโจมตีเรื่องนาฬิกาหรู
 
 
สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้จะมีการเสนอมาตราการของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เตรียมมอบเช็คเงินสดและ ชุดของใช้สำหรับเด็กแรกเกิด มูลค่าชุดละ 1,000 บาท ให้เด็กแรกเกิดทั่วประเทศ 5,005 คน เยี่ยมบ้านมอบของขวัญ แก่ผู้อายุเกิน 100 ปีทั่วประเทศ มอบบ้าน พอเพียงชนบท ซ่อมแซมปรับปรุงบ้านผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศ และขยายเวลาลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษแก่ลูกค้าสถานธนานุเคราะห์ ตั้งแต่วันที่ 3 – 31 ม.ค. 61 
 
กระทรวงมหาดไทย มอบตลาดประชารัฐ ลดดอกเบี้ยโรงรับจำนำ ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โครงการถนนสวยแห่งความสุข ซึ่งเป็นการเอาสายไฟลงดินของการไฟฟ้านครหลวง 
 
 
ขณะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารพิจารณามาตรการของขวัญปีใหม่ปีเริ่มต้นใช้ในปี 2561 ไปจนถึงสิ้นปี 3 มาตรการ 9 โครงการ วงเงิน 1 แสนล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี คาดว่ามีเกษตรกรลูกค้าและประชาชนได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ไม่น้อยกว่า 2.2 ล้านคน เช่น การดูแลหนี้สินในระบบและนอกระบบ การดูแลผู้มีรายได้ให้ฝึกอบรมอาชีพ ยกระดับรายได้ รวมถึงโครงการชำระดีมีคืน คืนดอกเบี้ยลูกหนี้ที่มีประวัติชำระหนี้ดี 30% หรือคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง 2-3%
 
ส่วนธนาคารออมสิน เตรียมวงเงิน 1,000 ล้านบาท คืนดอกเบี้ยให้กับลูกค้าที่มีประวัติการชำระหนี้ดีสูงสุด 30% โดยผู้กู้ต้องมีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 3 แสนบาท ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษ อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี สินเชื่อผ่านการกู้พร้อมออม ซึ่งจะให้วงเงินสินเชื่อสูง 3 เท่าของเงินฝาก
 
 กระทรวงการคลัง เสนอ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรอง โดยจะให้สิทธินำรายจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาทที่เกิดขึ้นปี 2561 มาหักลดหย่อนภาษี 
 
ส่วนกระทรวงพาณิชย์ เตรียมมาตรการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เป็นของขวัญปีใหม่ โดยร่วมมือกับภาคเอกชน จำนวน 53 ราย ภายใต้ชื่อ รวมใจ เพิ่มสุขช้อปสนุก ลดรับปีใหม่ การจัดงานลดราคาจำหน่ายสินค้าในครั้งนี้ จะเป็นการลดราคาจำหน่ายสินค้าทุกชั้น ทุกแผนก ลดสูงสุดถึงร้อยละ 80 สินค้าที่เข้าร่วมการจัดงานเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา มากกว่า 10,000 รายการ คาดจะมียอดขายสินค้าไม่ต่ำกว่า 35,000 ล้านบาท สามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนได้เฉลี่ยร้อยละ 30 หรือคิดเป็นเงินประมาณ 10,500 ล้านบาท
 
นอกจากนี้ กรมธนารักษ์จะเสนอให้ ครม.ให้ความเห็นชอบกฎกระทรวงพิจารณากฎกระทรวง ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.เงินตราในการผลิตเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ เพื่อดำเนินการผลิตเหรียญกษาปณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 โดยคาดว่าจะออกมาใช้หมุนเวียนในระบบได้ช่วงต้นปีหน้า 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง