ผู้เสียหายลงทุนธุรกิจยาขาวร้อง ปปง. สอบกรณีฟอกเงิน ขณะเจ้าของธุรกิจพบ สคบ.ยันไม่ใช่แชร์ลูกโซ่
logo ข่าวอัพเดท

ผู้เสียหายลงทุนธุรกิจยาขาวร้อง ปปง. สอบกรณีฟอกเงิน ขณะเจ้าของธุรกิจพบ สคบ.ยันไม่ใช่แชร์ลูกโซ่

ข่าวอัพเดท : นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย พร้อมผู้เสียหายกรณีร่วมลงทุนธุรกิจยาผิวขาวที่ใช้ภาพรถหรูและวิถ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน,สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค,ยาขาว,แชร์ลูกโซ่,ฟอกเงิน,ผู้เสียหาย,ปปง,สคบ

8,601 ครั้ง
|
06 ธ.ค. 2560
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย พร้อมผู้เสียหายกรณีร่วมลงทุนธุรกิจยาผิวขาวที่ใช้ภาพรถหรูและวิถีชีวิตที่หรูหรามาชวนเชื่อ จำนวน 27 คน ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยมี ร.ต.อ.ไพรัตน์ เทศพานิชย์ เลขานุการกรม สำนักงานปปง. เป็นผู้รับเรื่อง
 
นายเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายอายุ 16 ปีรายหนึ่งเล่าว่า เห็นมีโฆษณาตามเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมจึงเปิดเข้าไปดู พบว่ามีข้อความจูงใจว่าสามารถสร้างรายได้หลักพันถึงหลักหมื่นบาทต่อสัปดาห์ ผู้ใดสนใจให้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์และไอดีไลน์ติดต่อไว้ ตนจึงได้ทิ้งข้อความไว้ จากนั้นก็มีคนมาติดต่อกลับ พูดจาโน้มน้าวหว่านล้อมให้หลงเชื่อ แม้กระทั่งผู้อายุไม่ถึง 20 ปี ก็ให้นำบัตรประชาชนคนอื่นมาสมัครเพื่อให้เราหาเงิน รวมถึงขอพ่อแม่มาลงทุน โดยเริ่มต้นที่ 3,600 ต่อครั้ง
 
นางสาวบี (นามสมมติ) แม่ค้าออนไลน์ระบุว่า ได้รับคำแนะนำจากน้องที่รู้จักว่าขายสินค้าตัวนี้อยู่จึงแนะนำมา จากนั้นได้บอกว่าตัวบริษัทอยู่ในกทม. จึงเข้าไปพูดคุย และทำให้ตัวเองหลงเชื่ออยากมีรายได้แบบพาสซีพ อินคัม (Passive Income) โดยแนะนำให้ลงทุนซื้อตำแหน่งแอมบาสเดอร์ ซึ่งต้องลงทุนถึง 36,000 บาทต่อคน รวมถึงการสต๊อกสินค้า โดยตนเองนั้นเสียเงินกับธุรกิจนี้ไปเกือบ 1 ล้านบาท 
 
ซึ่งทั้ง 27 คนนำข้อมูลเข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายฟอกเงินด้วยหรือไม่ เพราะพฤติการณ์มีการแสดงความหรูหราและร่ำรวยซึ่งอาจจะเข้าข่ายเกี่ยวกับการฟอกเงินเรื่องการเลี่ยงภาษี
 
ขณะเดียวกัน นายณัฐพงษ์ โพธิ์สุการ หรือกิต เจ้าของบริษัทลักซ์ชัวรี่ ดีไลท์ หรือธุรกิจยาผิวขาวดังกล่าวเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. หลังมีผู้ร้องเรียนจำนวนมากว่าถูกหลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจนี้แล้วจะร่ำรวย ซึ่งวันนี้ทางเจ้าของบริษัทต้องการมาแสดงความบริสุทธิ์และให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ ว่าบริษัทไม่ได้เป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ หรือมีการหลอกให้คนมาร่วมลงทุนสูญเสียเงินจำนวนมากอย่างที่ปรากฏเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ โดยการสอบปากคำนานกว่า 5 ชั่วโมง จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่แล้วเสร็จ 
 
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเอกสารดำเนินธุรกิจว่าเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติขายตรงหรือไม่หรือเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ซึ่งจะต้องรอเจ้าหน้าที่ออกมาชี้แจงในประเด็นต่างๆ ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง