สถานการณ์ฝนตกน้ำท่วม ลมพัดกรรโชกแรงในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากมวลน้ำจากเทือกเขาหลวงทะลักเข้าท่วมพื้นที่ตัวเมืองนครศรีธรรมราชจมมิดเกือบทั้งเมืองและมีแนวโน้มจะขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมเมืองอย่างหนัก 3 ครั้งในรอบ 12 เดือน โดยทางจังหวัดได้ประกาศเตือนให้ประชาชนทุกพื้นที่เร่งขนย้ายสิ่งของและอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตามในขณะที่หลายฝ่ายหวั่นวิตกกังวลว่าฝนที่ตกต่อเนื่องอย่างหนักจะทำให้น้ำท่วมขยายวงกว้างและเพิ่มระดับสูงขึ้น รุนแรงกว่าปี 2554, 2559 และช่วงต้นปี 2560 ปรากฎว่าฝนได้หยุดตกตั้งแต่เวลา 18.00 น.ของวันที่ 30 พ.ย. จนถึง 02.30 น.วันที่ 1 ธ.ค. 2560 ทำให้ระดับน้ำที่ท่วมตัวเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกลับทรงตัวและบางจุดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากได้อิทธิพลของมวลน้ำจากเทือกเขาหลวงที่ไหลมาสมทบ แต่เมื่อไม่มีปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ลงมาเพิ่ม ทำให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายอย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวล ท่ามกลางความดีใจของประชาชนทุกภาคส่วน
แต่ในช่วงเช้าของวันนี้ (1 ธ.ค.) ฝนที่หยุดตกต่อเนื่องกว่า 8 ชม. ได้เริ่มตกโปรยปรายลงมาอีกครั้ง สำหรับในพื้นที่ตัวเมืองที่ยังมีน้ำท่วมขังสูงสุดบริเวณถนนเทวบุรี หน้าทางเข้าหมู่บ้านธารริน ระยะทางประมาณ 1 กม.ที่ระดับน้ำสูงกว่า 50 ซม. รวมทั้งในหมู่บ้านธารริน ระดับน้ำสูงประมาณ 50-70 ซม. ชาวบ้านกว่า 50 หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อน ส่วนถนนเทวบุรี ช่วงตั้งแต่ศาลาหมอปาน-หน้า อบจ.นครศรีธรรมราชและสำนักงานสาธารณสุขมีน้ำท่วมขัง 30 ซม. แต่ภายในสำนักงานสาธารณสุขเองน้ำท่วมสูงกว่า 50 ซม. การให้บริการของทางราชการต้องหยุดไปโดยปริยายแม้จะยังไม่ได้ประกาศปิดอย่างเป็นทางการก็ตาม
ส่วนโรงเรียนทุกสังกัดในเขตเทศบาลฯ ทางผู้บริหารประกาศหยุด 1 วัน ทางด้านถนนเลียบทางรถไฟตั้งแต่สามแยกศาลาหมอปานถูกน้ำท่วมสูงกว่า 50 ซม. ระยะทางเกือบ 1.5 กม. รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้
ด้านถนนสายพัฒนาการคูขวางซึ่งเป็นถนนเส้นเศรษฐกิจ มีน้ำท่วมขัง 30-50 เซนติเมตร รถเล็กควรเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจร และชาวบ้านเร่งอพยพเครื่องใช้ สิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง ป้องกันความเสียหายอาจจะเกิดขึ้น
นายแพทย์บัญชา ค้าของ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราชระบุว่า ฝากเตือนไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองได้โปรดเฝ้าระวังดูแลบุตรหลาน รวมทั้งผู้สูงอายุให้ดี อย่าปล่อยให้เด็กเล่นน้ำ หรือผู้สูงอายุเดินลุยน้ำโดยลำพัง เพราะอาจจะทำให้พลัดตกจมน้ำเสียชีวิตได้ และในช่วงฤดูฝน และน้ำท่วมจะมีโรคภัยต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ง่าย เช่น น้ำกัดเท้า โรคฉี่หนู โรคหวัด โรคมาลาเรีย โรคไข้เลือดออกโรคตาแดง โรคทางเดินอาหาร เป็นต้น ดังนั้นหากมีการเป็นไข้ เจ็บป่วย 2 วันติดต่อกันขอให้รีบไปพบแพทย์ทันทีอย่าชะล่าใจ นอกจากนี้ขอให้ระมัดระวังเรื่องสัตว์มีพิษชนิดต่างๆ ที่มากับกระแสน้ำด้วย สำหรับสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนี้ยังคงให้บริการแก่พี่น้องประชาชนได้ตามปกติ แม้บางแห่งจะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยก็ตาม
ก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอำเภอพรหมคีรี พร้อมชุดเคลื่อนที่เร็ว ออกเยี่ยมเยียนประชาชนที่อพยพมายังศูนย์อพยพ 3 แห่ง ประกอบด้วยศูนย์อพยพ จาก ธกส. สาขาพรหมคีรี ศูนย์อพยพวัดวังลุง โดยมี อบต. ทอนหงส์ และกำนัน ผญ.ช่วยกันดูแลประชาชน ในส่วนของศูนย์อพยพวัดโทเอก ต.อินคีรี ทาง อบต.อินคีรี และผู้ใหญ่บ้านหลายหมู่บ้าน ร่วมกันดูแลช่วยเหลือผู้อพยพในเรื่องอาหารการกิน ทำให้ผู้อพยพทั้ง 3 จุดมีขวัญและกำลังใจดีมาก นอกจากนี้ทางอำเภอยังได้รับความช่วยเหลือ สนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค ให้กับศูนย์อพยพทั้ง 3 แห่ง คาดว่าสถานการณ์จะเป็นปกติภายใน 3 วันจึงจะอพยพผู้ประสบภัยกลับบ้านตามปกติได้
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมถนนสายนครศรีธรรมราช-ทุ่งสง หรือ ทางหลวงหมายเลข 403 ช่วงหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบริการเฉลิมพระเกียรตินครศรีธรรมราช ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ระดับน้ำท่วมขังเป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร สูงประมาณ 50 เซนติเมตร และระดับมีแนวโน้มสูงขึ้น รถเล็กทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ นายปรีชา วิเศษสิทธิ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่แก้ปัญหาโดยขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนที่ออกจากจังหวัดนครศรีธรรมราชต้องการเดินทางไปยังอำเภอทุ่งสง ขอให้เลี่ยงไปใช้ถนนสายลานสกา-เขาธง-ช้างกลาง นอกจากนี้ถนนสายไม้หลา-ลานสกา มีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 70 เซนติเมตร รถทุกชนิอดผ่านไม่ได้เช่นกัน แต่เป็นถนนสายรอง ส่วนถนนเส้นอื่น ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของแขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 1 ยังใช้สัญจรได้ตามปกติ
นายสรรเพชญ์ ทันราย กำนันตำบลท้ายสำเภา อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำบลท้ายสำเภาถูกน้ำท่วมแล้ว 10 หมู่บ้าน จาก 13 หมู่บ้าน ทางฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น และกำลังหน่วยทหารปืนใหญ่ ป.5 พัน 105 นำโดย พ.ท.ทัตตเดช สุวรรณรัตน์ ผบ.ป.5 พัน 105 ได้เข้ามาช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงออกจากพื้นที่ และช่วยขนย้ายทรัพย์สินของประชาชน เนื่องจากภาวะน้ำท่วมบ้านเรือนสูง และมีความเสี่ยงเนื่องจากน้ำไหลเชี่ยวและมวลน้ำมีระดับไหลเพิ่มขึ้นมาเร็วมาก ซึ่งภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ขณะที่ใน อ.ทุ่งสง เกิดเหตุดินสไลด์ในพื้นที่ หมู่ 7 ต.นาหลวงเสน นายอำเภอทุ่งสงได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบความเสียหาย พบต้นไม้ล้มทับบ้านของนายสายันต์ ประสิทธิ์ ที่หมู่ 7 ต.นาหลวงเสน บ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ประกอบด้วย นางอารมณ์ ส่องศรี ซึ่งเป็นภรรยา และ ด.ช.สาโรจน์ ประสิทธิ์ ซึ่งเป็นลูกของนายสายันต์ เจ้าหน้าที่ได้นำส่งรพ.ทุ่งสงเรียบร้อยแล้ว โดยนางอารมณ์ หมออนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วน ด.ช.สาโรจน์ หมอให้นอนดูอาการที่ รพ.อีกระยะหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังช่วยกันตัดฟัน รื้อ ต้นไม้ที่ล้มทับบ้าน และนำสิ่งของออกนอกบ้าน ส่วนที่พักอาศัยของครอบครัวนายสายันต์ ผู้ประสบภัยได้ไปพักอาศัยบ้านบิดาในระหว่างที่มีการก่อสร้างบ้านหลังใหม่
และที่อำเภอชะอวด มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 11 ตำบล 79 หมู่บ้าน 5 ชุมชน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 5,191 คน 1,695 ครัวเรือน วัดได้รับผลกระทบ 1 แห่ง พื้นที่การเกษตรและสิ่งสาธารณประโยชน์เสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ ล่าสุดในพื้นที่เขตเทศบาลอำเภอชะอวดน้ำเข้าเขตเทศบาลแล้ว และอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใสน้ำได้ล้นสปิลเวย์แล้วเช่นกัน
ด้านนายเรศวร ศรีวัชรินทร์ วิศวกรแผนกมิเตอร์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครศรีธรรมราช และทีมงาน ภายใต้การบังคับบัญชาของนายภิญโญ ภู่ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงพื้นที่น้ำท่วมยกระดับมิเตอร์ให้พ้นน้ำเพื่อความปลอดภัย ในพื้นที่ชุมชนบ่อทรัพย์ ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช และชุมชนมุมป้อม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย