ตำรวจยืนยันอุบัติเหตุไฟคลอกรถตู้เสียชีวิต 14 ศพ ที่จังหวัดสิงห์บุรี ไม่ใช่ขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ ขณะที่นิติเวชตำรวจเตรียมผ่าพิสูจน์อัตลักษณ์
เจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู ร่วมกันนำรถขนร่างผู้เสียชีวิตจากจังหวัดสิงห์บุรี กรณีอุบัติเหตุรถตู้พุ่งชนรถบรรทุกในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี บนถนนสายเอเซีย เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้เสียชีวิต 14 คน มาส่งให้สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ รับทำการผ่าชันสูตรพลิกศพ เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล และหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง
โดยพันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ทั้ง 14 ศพ แบ่งเป็นโชเฟอร์คนไทย 1 คน ผู้โดยสารชาวเมียนมา 13 คน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจำแนกได้ว่าเป็นบุคคลใด ต้องรอการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล เพื่อนำไปเทียบดีเอ็นเอกับญาติผู้เสียชีวิตก่อน ส่วนความคืบหน้าทางคดี เบื้องต้นพนักงานสอบสวนและกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบซากรถพบเอกสารการขนส่งแรงงานต่างด้าว เป็นของจากการสอบสวนทราบว่ารถตู้คันดังกล่าวเป็นของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุญเรือนทัวร์ ที่รับงานขนส่งแรงงานถูกต้องตามกฎหมาย โดยในเอกสารระบุว่าจะนำแรงงานกลุ่มนี้เดินทางจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ไปส่งให้นายจ้างที่จังหวัดสมุทรปราการ เชื่อว่าเป็นการรับส่งแรงงานถูกต้องตามกฎหมาย ยืนยันไม่ใช่ขบวนการลักลอบขนส่งแรงงานต่างด้าว ขณะที่พนักงานสอบสวนได้ประสานข้อมูลไปยังสถานฑูตเมียนมาประจำประเทศไทย เพื่อยืนยันข้อมูลทั้ง 13 คนว่าเป็นชาวเมียนมาหรือไม่ ตามที่มีเอกสารระบุ พร้อมขอให้มีการแจ้งญาติผู้เสียชีวิต เพื่อนำดีเอ็นเอมาเปรียบเทียบ พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ส่วนเรื่องคดีอุบัติเหตุ ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ร่องรอยการเฉี่ยวชน เพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติที่แท้จริง รวมถึงประสานข้อมูลไปยังกรมการขนส่งทางบก เพื่อดูข้อมูลว่า รถตู้ดังกล่าวมีการปฏิบัติตามระเบียบมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบกหรือไม่ เนื่องจากเคยมีคดีอุบัติเหตุคล้ายลักษณะนี้มาแล้วบนถนนมอเตอร์เวย์
อย่างไรก็ตามด้าน พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้ตำรวจตรวจสอบแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะตามแนวชายแดนที่มักมีแรงงานต่างด้าวเดินทางเข้าออกเป็นประจำ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจแสวงหาผลประโยชน์ใดๆ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจังต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม