ชาวบ้านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโฉนดที่ดินเข้าร้องปลัดกระทรวงยุติธรรม ขอให้ช่วยเหลือ หลังถูกกลุ่มนายทุนร้องศาลขับไล่ออกจากพื้นที่ของตัวเอง ทั้งที่มีโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย
กลุ่มชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากการถูกบังคับคดีให้ออกจากพื้นที่อยู่อาศัย หมู่ 6 บ้านแม่ลา ตำบลเสนา อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำสำเนาการถือครองโฉนดที่ดินเข้าร้องขอความเป็นธรรม ต่อกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความช่วยเหลือก่อนถูกบังคับให้ออกจากพื้นที่
นางสาวปาลพัชน์ หาวิธี ตัวแทนกลุ่มชาวบ้าน ระบุว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินทำกินที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ที่ซื้อต่อมาจากเจ้าของโฉนดตั้งแต่ ปี 2488 มีการออกโฉนดที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่ปี 2521 ก่อนที่จะมีการรังวัดใหม่ในปี 2548 ซึ่งขณะนั้นยังเห็นว่าคงถือครองที่ดิน 11 ไร่ 3 งาน 66 ตารางวา เท่าเดิม จึงไม่ได้ไปเรียกร้องกับหน่วยงานใดก็ใช้ชีวิตตามปกติ จนกระทั่งมีกลุ่มนายทุน นำโฉนดที่ดินฉบับหนึ่งไปร้องศาลให้ขับไล่ชาวบ้านที่เข้ามาบุกรุกที่ดินในโฉนดของกลุ่มนายทุน ซึ่งต่อมาศาลก็ได้มีคำสั่งให้กรมบังคับคดีไปแจ้งชาวบ้านออกจากพื้นที่ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จึงรู้สึกแปลกใจและได้ไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินอีกครั้ง กลับพบว่าที่ดินเดิมถูกครอบทับไป 7 ไร่ 1 งาน 33 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินถมพื้นที่เรียบร้อยสามารถสร้างทำประโยชน์ได้ทันที ส่วนพื้นที่ของชาวบ้านที่เหลือในโฉนด 4 ไร่ เป็นเพียงที่นาที่ไม่สามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ ทำให้ชาวบ้าน 9 หลังคาเรือน กว่า 50 ชีวิต ได้รับความเดือดร้อน จึงนำเรื่องนี้ไปร้องขอความเป็นธรรมกับหลายหน่วยงานแต่ก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ
ซึ่งชาวบ้านเห็นว่าเหลือเวลาอีกไม่นานที่จะต้องออกจากพื้นที่ จึงตัดสินใจเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อหาข้อเท็จจริงการครอบครองโฉนดพื้นที่ทั้ง 11 ไร่ ขณะที่เดียวกันยืนยันที่ผ่านมาที่ดินแปลงนี้เพียงนำไปจำนองกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เท่านั้น ไม่เคยนำไปจำนองกับเจ้าหนี้นอกระบบ และสามารถทำธุรธรรมกับธนาคารทั่วไปได้ตามปกติ
เบื้องต้นตัวแทนกลุ่มชาวบ้านได้นำหนังสือร้องเรียน พร้อมเอกสารโฉนดที่ดินเข้าร้องเรียนกับ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพันตำรวจเอกดุษฎี กล่าวว่า หลังจากนี้จะให้ดีเอสไอ ลงไปตรวจสอบเรื่องเอกสารสิทธิ และภาพถ่ายทางอากาศ ของข้อมูลที่มีข้อพิพาทอย่างชัดเจน ก่อนนำมาประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งทราบว่าขณะนี้มีชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน แต่ก็ต้องดูความยากง่ายของคดี ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ แต่หากถึงกำหนดก็จะต้องให้ชาวบ้านย้ายออกก่อนตามคำสั่งศาล เนื่องจากในขณะนี้คำสั่งศาลถือเป็นที่สุด แต่หากข้อเท็จจริงพบว่าชาวบ้านถูกต้องก็จะดำเนินการช่วยเหลือเต็มที่
+ อ่านเพิ่มเติม