เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม บรรยากาศการเตรียมพร้อม ฟังคำพิพากษา เกี่ยวกับคดีดังประวัติศาสตร์ ของ ครูจอมทรัพย์ หรือ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครู ที่ต้องคดีขับรถชนคนตาย ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีขับรถชนคนตาย ในพื้นที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อ 11 มีนาคม 2548 ในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม หลังติดคุก 1 ปี 6 เดือน จากคำพิพากษาตัดสินของศาลฎีกา ให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน เมื่อปี 2556 แต่ได้รับการอภัยโทษออกมา เมื่อปี 2558 จนกระทั่งได้มีการร้องทุกข์ต่อกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรื้อคดี ตาม พรบ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 และศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้น คือ ศาลจังหวัดนครพนม พิจารณารื้อคดี โดยมีกำหนดนัดสืบพยานเมื่อวันที่ 8 -10 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา และเวลาผ่านไปนานกว่า 10 เดือน จนกระทั่งศาลจังหวัดนครพนม ได้ นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในวันนี้ คือวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.00 น.
โดยได้ช่วงเช้า ทางด้าน ทนายฝ่ายกฎหมาย ของกระทรวงยุติธรรม ที่ให้การช่วยเหลือครูจอมทรัพย์ ตามคำร้องทุกข์ จะได้ยื่นหนังสือ เพื่อขออนุญาตศาลจังหวัดนครพนม ให้มีการพิจารณาอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา เนื่องจากตามกำหนดจะมีการนัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 7 ธันวาคม 2560 ทั้งนี้ถือเป็นคดีสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ รวมถึงในขั้นตอนของทางฝ่ายกฎหมาย และเจ้าตัว คือ คือจอมทรัพย์ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครพนม เพื่อให้พิจารณาอ่านคำพิพากษา ในวันนี้ คือ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.00 น.
ล่าสุดพบว่า บรรยากาศภายในบริเวณศาลจังหวัดนครพนม เริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า ได้มีกองทัพสื่อมวลชน จากแขนงต่างๆ ให้ความสนใจ มารอรายงานข่าวผลการตัดสินของศาล นอกจากนี้ยังมี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้ระดมกำลัง เข้ามาดูแล อำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัย เนื่องจากคดีนี้คาดว่า จะมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชน ที่ให้ความสนใจ เดินทางมาร่วมลุ้นฟังคำพิพากษา จำนวนมาก เพราะถือเป็นการชี้ชะตาของ ครูจอมทรัพย์ หลังออกมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม ว่าตกเป็นแพะ ทำให้กลายเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ และในวันนี้คำพิพากษา จะมี 2 แนวทาง คือ แนวทางที่ 1 หากผลการพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกา ครั้งนี้ คือ ยืนตามคำพิพากษาชั้นต้นและศาลฎีกาเดิม หรือยกฟ้อง หมายถึงการพิจารณาตัดสินคดีที่ผ่านมา ถือว่าถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม และแสดงว่า ครูจอมทรัพย์ ไม่ได้เป็นแพะตามคำร้อง ส่วนแนวทางที่ 2 หากผลการพิจารณาตัดสิน ออกมาว่า กลับคำพิพากษาศาลฎีกา หมายถึง ครูจอมทรัพย์ ไม่ได้กระทำผิด และตกเป็นแพะ ตามคำร้องทุกข์ และจะต้องรอฟังคำพิพากษาใหม่ เกี่ยวกับการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องกลับไปเริ่มสู่กระบวนการสอบสวนหาผู้กระทำผิด ในคดีดังกล่าว ซึ่งต้องรอกระบวนการตามกฎหมายต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม