'กกต.สมชัย' เล็งออกระเบียบพรรคปาดหน้าคสช.ชี้ไม่ทำก็ผิดกม.-พท.โอดปลดล็อกเดือนนี้ทำอะไรไม่ทัน
logo ข่าวอัพเดท

'กกต.สมชัย' เล็งออกระเบียบพรรคปาดหน้าคสช.ชี้ไม่ทำก็ผิดกม.-พท.โอดปลดล็อกเดือนนี้ทำอะไรไม่ทัน

ข่าวอัพเดท : กกต.สมชัยเล็งออกระเบียบปาดหน้า คสช. ให้พรรคการเมืองเตรียมพร้อมระหว่างยังไม่ปลดล็อก ชี้หากไม่ทำ กกต. มีความผิด ขณะเพื่อไทยระบุแค่ปลดล คณะกรรมการการเลือกตั้ง,กกต.,พรรคเพื่อไทย,คสช.

3,490 ครั้ง
|
10 พ.ย. 2560
กกต.สมชัยเล็งออกระเบียบปาดหน้า คสช. ให้พรรคการเมืองเตรียมพร้อมระหว่างยังไม่ปลดล็อก ชี้หากไม่ทำ กกต. มีความผิด ขณะเพื่อไทยระบุแค่ปลดล็อกสิ้นเดือนนี้ก็แทบจะทำอะไรไม่ทันเส้นตายเลือกตั้งแล้ว
 
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการ กกต. เปิดเผยว่าในวันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายนนี้ กกต. จะประชุมพิจารณาออกระเบียบที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองได้ดำเนินการเรื่องต่างๆที่ไม่เป็นการขัดต่อคำสั่ง คสช.ไปก่อนได้ เช่น การให้พรรคการเมืองมารับแบบฟอร์มยืนยันสมาชิกพรรค ยืนยันทุนประเดิมในการจัดตั้งพรรคการเมือง ตลอดจนแบบฟอร์มการจัดตั้งพรรค เพื่อให้พรรคการเมืองได้ไปเตรียมข้อมูลให้พร้อม เมื่อ คสช. ปลดล็อกพรรคการเมืองก็สามารถดำเนินการได้ทันที ยอมรับว่าที่ผ่านมา กกต. เกรงใจ คสช. ไม่กล้าออกระเบียบต่างๆเพราะกลัวจะไปกดดัน แต่หากไม่ดำเนินการ กกต. ก็จะมีความผิด
 
ทั้งนี้ หลังจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 8 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ภายใน 60 วัน (วันที่ 6 ธันวาคม 2560) กกต.ต้องออกระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ และคำสั่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง จากนั้นภายใน 90 วัน (วันที่ 5 มกราคม 2561) พรรคต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงสมาชิกต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ทั้งนี้หากไม่ทำอาจถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาเจ้าพนักงานของรัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือหากทำไม่เสร็จและไม่มีการขอขยายเวลามายังนายทะเบียนพรรคการเมือง ตามกฎหมายจะให้พรรคการเมืองนั้นสิ้นสภาพไป
 
อย่างไรก็ตาม กกต. สมชัยแนะนำว่าระหว่างนี้พรรคการเมืองควรเตรียมข้อมูลต่างๆไว้ เช่นหัวหน้าพรรค หรือผู้บริหารพรรคสามารถกำหนดแนวทางนโยบายพรรคในนามส่วนตัวไว้ก่อนล่วงหน้าได้ เมื่อถึงเวลาประชุมพรรคการเมืองได้จะทำให้รวดเร็วมากขึ้น แต่หากไม่ทันจริงๆ พรรคการเมืองต้องขอขยายเวลาต่อนายทะเบียนเป็นรายๆไป และระหว่างที่ขอขยายเวลาจะไม่สามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง และไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง
 
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่าถ้า คสช.ปลดล็อกให้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้สิ้นเดือนนี้ก็ทำอะไรแทบจะไม่ทันแล้ว เพราะจะส่งผู้สมัคร ส.ส.บางเขตไม่ทัน เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีสมาชิก 1.3 แสนคน ซึ่งส่วนที่ยาก คือ
 
1. การตรวจสอบสมาชิก เพื่อรายงาน กกต. ซึ่งต้องดูว่า มีชีวิตอยู่หรือไม่ / เป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่ / ย้ายภูมิลำเนาหรือไม่ / ขาดคุณสมบัติ เช่น ไปทำความผิดอะไรมาหรือไม่ เท่ากับว่าต้องตรวจสอบทั้งกับสำนักทะเบียนกลางของมหาดไทย และให้ตัวแทนพรรคในแต่ละเขตไปไล่ตรวจสอบสมาชิกทีละคน ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าใดถึงจะทำเสร็จ
 
2. ต้องทำความเข้าใจกับสมาชิกเรื่องการจ่ายค่าบำรุงพรรค และต้องเรียกเก็บให้คนละ 50 บาท จากสมาชิก 1.3 แสนคน 
 
3. เรื่องการทำไพรมารี่โหวต ที่ต้องตรวจสอบสมาชิกแต่ละเขตว่า มีถึง 100 คนหรือไม่ แล้วเรียกประชุมเพื่อคัดเลือกตัวผู้สมัคร ส.ส. ถ้าเขตไหนมีสมาชิกไม่ถึง 100 คน ก็ต้องไปหาเพิ่มอีก ถ้าทำไม่ทัน ก็ไม่มีสิทธิส่งผู้สมัครในเขตนั้น
 
แม้ว่า คสช.จะบอกว่า พรรคการเมืองขอขยายเวลาได้และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองก็กำหนดให้ขยายเวลาออกไปได้ 3 ปี แต่ในทางปฏิบัติทำไม่ได้จริง เพราะถ้ากำหนดวันเลือกตั้งเป็น พ.ย. 61 อย่างที่นายกฯพูดไว้ เท่ากับว่าเส้นตายถูกกำหนดไว้แล้ว การขยายเวลาเป็นไปแค่เพื่อไม่ให้พรรคถูกยุบแต่จะส่งผู้สมัครไม่ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง