เมื่อเวลา 14.00 น. ตำรวจ สภ.บ้านโคกยาง จ.ตรัง รับแจ้งพบศพหญิงสาวถูกฆ่าทิ้งไว้ในสวนยางพารา พื้นที่ ม. 8 ต.โคกยาง จึงนำกำลังพร้อมประสานกู้ภัยในพื้นที่เข้าตรวจสอบ
โดยในที่เกิดเหตุภายในสวนยางพาราลึกจากถนนเข้าไปประมาณ 700 เมตร พบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิงอายุ 33 ปี สภาพนอนหงาย มีผ้านวมคลุมตัวไว้ 1 ผืน บริเวณศีรษะถูกครอบด้วยถังสังกะสี จากการตรวจสอบพบว่าบริเวณลำตัวและสีผิวเริ่มเป็นสีคล้ำ และที่ลำคอมีแผลถูกปาดด้วยมีดเป็นทางยาว คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน
ด้านพ่อของผู้ตาย เผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 2 ทุ่มของคืนวันที่ 7 พ.ย. ตนได้รับโทรศัพท์จากลูกเขยชาวเมียนมา พูดว่าขอโทษและให้ไปรับลูกสาวกลับไปด้วย ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ยังรู้สึกงงว่าลูกเขยกำลังพูดเรื่องอะไร จนตนถามย้ำไปจนลูกเขยบอกว่าให้ไปรับศพลูกสาวออกจากสวยยางฯ ก่อนจะวางสายทิ้งไป จากนั้นพยายามติดต่อกลับก็ไม่รับสาย
จากนั้น ตนก็ติดต่อไปยังหลานชายซึ่งเป็นว่าให้ไปค้นหาแม่ในป่าหลังบ้านพัก ภายในสวนยาง ฯ จนพบกลายเป็นศพไปแล้ว โดยตนมีลูกสาวคนเดียว ไม่คิดว่ามาถูกฆ่าตายเช่นนี้ อยากขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด และมั่นใจว่าคนร้ายคือลูกเขยชาวเมียนมาอย่างแน่นอน โดยลูกเขยคนนี้เป็นสามีใหม่ของลูกสาว และทั้งคู่อยู่กินกันมาประมาณ 1 ปีเศษ ๆ เท่านั้น
ด้านลูกชายของผู้ตายวัย 14 ปี กล่าวว่า หลังจากได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นตา ตนก็ระดมเพื่อนๆช่วยกันค้นหาจนเดินเข้าไปในสวนยางพาราด้านหลังบ้านก็พบกับร่างของแม่ ก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ ทั้งนี้ ตนและน้องสาวเพิ่งย้ายมาอยู่กับแม่ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ จากเดิมที่อยู่กับพ่อ ก็เห็นว่าพ่อเลี้ยงซึ่งเป็นชาวเมียนมากับแม่ทะเลาะเรื่องหึงหวงกันเป็นประจำ และต่างก็ไม่มีใครยอมใคร ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าทำไมพ่อเลี้ยงจึงต้องฆ่าแม่ เพราะวันเกิดเหตุซึ่งคาดว่าน่าจะประมาณวันจันทร์ที่ผ่านมาตนไปนอนบ้านเพื่อน
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานไปยังเส้นทางด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)ที่จะเดินทางไปยังประเทศเมียนมาอย่างเร่งด่วนแล้ว
+ อ่านเพิ่มเติม