1 พ.ย.2560 เริ่มใช้ระบบใหม่รองรับบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิคส์และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพรุ่งนี้เป็นวันแรก ขณะที่ ขสมก. , บขส. และ รฟท. ยืนยัน พร้อมให้บริการแล้ว
นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ยืนยัน ความพร้อมที่จะให้บริการผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับรถเมล์ ขสมก. รฟท. และ บขส. ซึ่งจะเริ่มพร้อมกันวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก โดยในส่วนของ ขสมก. ได้เตรียมรถเมล์ร้อนจำนวน 600 คัน รองรับการใช้งานในช่วงแรก ซึ่งในจำนวนนี้มีการติดตั้งเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิคส์(E-Ticket) สมบูรณ์แล้วจำนวน 100 คัน และเป็นระบบเก็บเงินแบบมือถือ(โมบาย) จำนวน 250 คัน ส่วนอีก 250 คัน จะใช้พนักงานเก็บค่าโดยสาร ทำการจดบันทึกจำนวนผู้โดยสารไปก่อน ในระหว่างการเร่งรัดติดตั้งระบบ E-Ticket ให้แล้วเสร็จ โดยเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการตัดค่าโดยสารในบัตร เนื่องจากวงเงิน 500 บาทที่มีในบัตรไม่สามารถนำไปทบยอดใช้ได้ในเดือนถัดไป
อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ ขสมก. จะจัดเจ้าหน้าที่ลงประจำตามจุดจอดรถเมล์ที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก 30 จุดทั่วกรุงเทพ เพื่อประชาสัมพันธ์วิธีการใช้งานบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับเครื่อง E-Ticket และให้ข้อมูลว่ารถคันใดที่รองรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะมีสติ๊กเกอร์ติดที่ตัวรถเพื่อแจ้งให้ทราบอยู่แล้ว
นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยรฟท. เปิดเผยว่าสำหรับการรถไฟแห่งประเทศไทยมีความพร้อมที่จะให้บริการแก่ผู้โดยสารที่เข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะเริ่มใช้บริการรถไฟตามที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป โดยขณะนี้ทราบว่าเงินที่จะช่วยเหลือผู้ใช้บริการคนละ 500 บาทนั้นได้มีการโอนเงินเข้าสู่ระบบและจะสามารถใช้ได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
สำหรับเครื่องตัดเงินภายในบัตรหรือ EDC นั้น การรถไฟได้มีการติดตั้งจำนวน 444 สถานีเป็นที่เรียบร้อยจำนวน 532 เครื่อง เนื่องจากบางสถานีซึ่งเป็นสถานีใหญ่พอจะมีการติดตั้งมากกว่าหนึ่งเครื่อง เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้บริการ
ทั้งนี้ในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทยเห็นว่าการเริ่มต้นให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถได้รับความช่วยเหลือค่าโดยสารผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากจะส่งผลดีต่อผู้ใช้บริการแล้วในส่วนของการรถไฟ เห็นว่า จะเกิดประโยชน์ทั้งในแง่ที่โครงการ สามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการได้ตรงเป้าหมาย รวมทั้งช่วยเรื่องของกระแสเงินสดให้ทุกสถานีสามารถหักเงินผ่านบัตรและมีกระแสเงินสดเข้า ซึ่งจะช่วยให้รถไฟมีผู้ใช้บริการสม่ำเสมอ และเพิ่มขึ้น กระจายตามสถานีต่างๆในแต่ละเดือน
นายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ บขส. ให้บริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงที่ผ่านมาไม่พบว่ามีปัญหาแต่อย่างใดโดยปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 350-400 คน
ทั้งนี้ที่ผ่านมา บขส.ได้ประสานธนาคารกรุงไทย ติดตั้งเครื่องรับบัตรอัตโนมัติ (EDC) ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ทั้ง 3 แห่ง (จตุจักร, เอกมัย,ถนนบรมราชชนนี) และที่ทำการสถานีเดินรถของ บขส. ทั่วประเทศ รวม 121 จุด และขณะนี้บขส.อยู่ระหว่างที่จะเจรจากับกรมบัญชีกลางเพื่อขอขยายการติดตั้ง เครื่อง EDC ยังสถานีอื่นให้มากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการจองซื้อตั๋วโดยสารแก่ผู้ถือบัตร
โดย บขส ย้ำอีกครั้ง สำหรับเงื่อนไขของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการใช้สิทธิโดยสารรถของ บขส. มีดังนี้ 1.ยื่นบัตรแสดงตนในการซื้อตั๋วโดยสารและต้องเป็นผู้เดินทางเองเท่านั้น 2.สามารถซื้อตั๋วรถโดยสาร บขส. ภายในวงเงิน 500 บาทต่อเดือน กรณีที่ค่าโดยสารเกินวงเงินที่ได้รับต้องจ่ายส่วนต่างเป็นเงินสดเท่านั้น 3.สามารถเดินทางไปกับรถโดยสาร บขส. ได้ทุกมาตรฐาน ทุกเส้นทาง
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ครอบคลุมค่าเดินทางระบบขนส่งที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับหลักเกณฑ์ในการจัดทำโครงการรถเมล์ฟรีและรถไฟฟรีในอดีตที่ให้บริการกับประชาชนมากกว่า 10 ปี โดยโครงการในอดีตนั้นในแต่ละเดือน ภาครัฐต้องจ่ายเงินชดเชยในโครงการดังกล่าวในส่วนของรถเมล์ฟรีเดือนละ200-300 ล้านบาท และรถไฟฟรี. อีกเดือนละประมาณกว่า 80 ล้านบาท โดยโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้นถือเป็นการปรับหลักเกณฑ์เพื่อให้เข้าถึงผู้มีรายได้น้อยมากที่สุด
+ อ่านเพิ่มเติม