กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เผยยังมีสถานการณ์น้ำท่วมใน 17 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ระบุตั้งแต่วันที่ 10-30 ตุลาคมที่ผ่านมา มีประชาชนได้รับผลกระทบรวมมากกว่า 3 แสนคน พร้อมรับมือฝนหนักภาคใต้ 31 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายนนี้
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์น้ำท่วมว่า ปัจจุบัน ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2560 ยังมีพื้นที่ได้รับผลกระทบใน 17 จังหวัด ประกอบด้วย สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี รวม 57 อำเภอ 390 ตำบล 2,154 หมู่บ้าน 110,627 ครัวเรือน
ขณะที่ภาพรวมความเสียหายจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน และการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 10-30 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 23 จังหวัด รวม 78 อำเภอ 2,785 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 125,372 ครัวเรือน 325,212 คน ผู้เสียชีวิต 10 ราย
ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานในพื้นที่ ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังสู่ลำน้ำสายหลัก
ส่วนสถานการณ์ฝนในภาคใต้ จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 31 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน 2560 ภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมกระโชกแรง ซึ่งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง หรือ กอปภ.ก. ได้ประสานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ เตรียมรับสถานการณ์
ล่าสุด กอปภ.ก. ได้ร่วมกับ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สสนก. จัดเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญและหน่วยเผชิญเหตุ พร้อมทรัพยากรและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เข้าประจำ ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ และ เตรียมพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมเป็นต้นไป
นอกจากนี้ ได้กำชับให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ประสานข้อมูลด้านสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการในการป้องกัน แก้ไขปัญหา และให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ได้ทันต่อสถานการณ์ พร้อมกำชับจังหวัดดำเนินการตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอย่างเป็นระบบ
(ภาพจากกรมอุตุนิยมวิทยา)
+ อ่านเพิ่มเติม