หน่วยเฉพาะกิจผลักดันน้ำ ปรับแผน ติดตั้งเรือผลักดันน้ำ คลองลาดพร้าว 12 เครื่อง ช่วยเร่งระบายน้ำลงอุโมงค์ พระรามเก้า ระบายออกแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่ กทม. ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 800 เครื่อง ริมฝั่งเจ้าพระยา และเรือผลักดันน้ำ 7 คลองสายหลัก
หน่วยเฉพาะกิจผลักดันน้ำ กรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือ ปรับแผนการสนับสนุนติดตั้งเรือผลักดันน้ำในกรุงเทพมหานคร จากเดิมที่จะติดตั้งในสามจุด ทั้งคลองลาดพร้าว บริเวณซอยลาดพร้าว 56 บริเวณอุโมงค์พระรามเก้า และคลองสามเสนบริเวณอุโมงค์บึงมักกะสัน มาเป็นการติดตั้งในจุดเดียว ที่คลองลาดพร้าว บริเวณศูนย์แพทย์พัฒนา เขตวังทองหลาง ทั้ง 12 ลำ ตามการประเมินของสำนักระบายน้ำ กทม. เพื่อใช้สำหรับระบายน้ำในเวลาที่มีปริมาณฝนตกหนัก
สำหรับความสามารถในการผลักดันน้ำของเรือผลักดันน้ำ 1 ลำ สามารถระบายน้ำได้วันละ 1 แสนลูกบาศก์เมตร เท่ากับ 1.2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยนาวาเอกอัศนัย นรินรัตน์ รองหัวหน้าชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำ ยังมีความกังวล เรื่องขยะที่มากับน้ำ ที่จะส่งผลต่อการทำงานของใบพัดเรือ เบื้องต้นต้องประเมินปริมาณขยะจากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น และสภาพแวดล้อมทางการไหล
ด้านนายณรงค์ เรืองศรี รักษาการผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำ กทม. กล่าวว่าการติดตั้งเรือผลักดันน้ำดังกล่าว จะสามารถช่วยระบายน้ำได้ระดับหนึ่ง ซึ่งน้ำจะเข้าอุโมงค์พระรามเก้า ระบายออกแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านสถานีสูบน้ำพระโขนง สุขุมวิท 50 ระยะทาง 5 กิโลเมตร ปัจจุบันระบายน้ำได้อยู่ที่วันละ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปกติสูงสุด วันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร ในวันที่มีปริมาณฝนตกหนัก ทั้งนี้ กทม. มีศักยภาพในการระบายน้ำจากเครื่องสูบน้ำ ริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา 800 เครื่อง และมีการติดตั้งเรือผลีกดันน้ำที่ 7 คลองสายหลัก คลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากร คลองบางนา คลองบางเขน คลองเจ้าคุณสิงห์ คลองบางซื่อ และคลองทวีวัฒนาประมาณ 60 เครื่อง หากมีปริมาณฝนตกหนักก็จะเพิ่มในที่คลองมีความคดเคี้ยวและแคบ
+ อ่านเพิ่มเติม