กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวกรณีเหตุคนร้ายลอบระเบิดในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี แม่ทัพภาค 4 ยังยืนยันไม่ใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ แต่มุ่งเน้นมาตรการทางกฏหมายในการแก้ไขปัญหา
เวลา 10.00 น. วันนี้ (22 กันยายน 2560) ณ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงกรณีเกิดเหตุระเบิดชุดปฏิบัติการร้อยทหารพรานที่ 4412 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 44 ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทางเพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่บริเวณ ถนนสาย 42 (เก่า) บ้านตะบิ้ง หมู่ที่ 1 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ในเวลาประมาณ 6.15 น. ของเช้าวันนี้
โดยเหตุเกิดขณะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางเบี่ยงเพราะกำลังก่อสร้างท่อลอดระบายน้ำใต้ถนน จึงได้หยุดรถและจัดกำลังพล 4 นายเข้าตรวจสอบด้วยการเดินเท้าและคนร้ายได้จุดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้กำลังพลที่อยู่บนรถเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 5 ราย และราษฎรบาดเจ็บ 1 ราย โดยมีรายชื่อดังนี้
กำลังพลที่เสียชีวิต
1. อาสาสมัครทหารพราน สุวิทย์ บุญชู
2. อาสาสมัครทหารพราน ณัฐพล รังสิมันตุชาติ
3. อาสาสมัครทหารพราน ปฐมพร คงสัย
4. อาสาสมัครทหารพราน พิทักษ์คมสิทธิ์ ศักดิ์วิเศษสม
กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ
1. สิบเอก ธีรวุฒิ ปานแก้ว
2. อาสาสมัครทหารพราน จักกฤษ จี่เอ้ย
3. อาสาสมัครทหารพราน ธันยา เอื้องฟ้าไพรวัลย์
4. อาสาสมัครทหารพราน ประหยัด อินทร์แก้ว
5. อาสาสมัครทหารพราน เอกชัย คำแคว่น
และ ราษฎรที่ได้รับบาดเจ็บ คือ นางสาว รอมือเลาะ สือรี
“ผู้บัญชาการทหารบกและแม่ทัพภาคที่ 4 ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเจ้าหน้าที่ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถและสมศักดิ์ศรีของชายชาติทหาร ที่ได้เสียสละแม้ชีวิตเพื่อความสงบสุขของพื้นที่และของพี่น้องประชาชน และได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องทำการรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ตลอดจนรวบรวมงานด้านการข่าวเพื่อติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษ และสั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติการเชิงรุกในการติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และเน้นย้ำให้ส่วนที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องสิทธิของกำลังพลของเจ้าหน้าที่ ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บทุกนายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ รวมถึงดูแลครอบครัวของวีรชนผู้สูญเสียตามสิทธิที่ได้รับตามระเบียบของทางราชการอย่างเต็มที่ โดยจะได้รับการช่วยเหลือตามระเบียบ ทบ. ว่าด้วยการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ชั้น หรือ อส.ทพ. ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ และได้รับเงินช่วยเหลือประมาณ 2,221,309 บาท” พันเอกปราโมทย์ กล่าว
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ายังกล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้นในพื้นที่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ตลอดจนเป็นการทำลายบรรยากาศโดยเฉพาะการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความเบื่อหน่ายต่อการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่สร้างสถานการณ์ความรุนแรงในห้วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้ายังคงยึดมั่นในหลักการบังคับใช้กฎหมายโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และใช้งานการเมืองนำการทหารโดยแนวทางสันติวิธีในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนเป็นใหญ่
ด้านพลตรีจตุพร กลัมพสุต ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจ ปัตตานี ระบุกำลังเข้าพื้นที่ตรวจสอบเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารลาดตระเวนในพื้นที่ ต.ตะปิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นชุดทหารพราน 4412 ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบไล่ดูกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามคนร้าย เบื้องต้นยอมรับว่าที่ผ่านมาหน่วยข่าวได้แจ้งเบาะแสถึงการก่อเหตุเข้ามา แต่มีเหตุจำเป็นที่เจ้าหน้าที่ทหารพราน มีหลายภารกิจงานที่ต้องผ่านเส้นทางนี้ ทั้งนี้ย้ำว่าจะเร่งหาผู้กระทำผิดให้เร็วที่สุด
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเเละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4412 หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน ขณะลาดตระเวนอยู่บนถนนสาย 41 (สายเก่า) ต.ตะปิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตหลายนายว่า เมื่อวานได้มีการประชุมให้เพิ่มความระมัดระวังการลาดตระเวนเส้นทาง และการเดินทางของเจ้าหน้าที่ แต่ยอมรับว่าในพื้นที่มีถนนจำนวนมาก ดังนั้นต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่เสียชีวิตและครอบครัว และขอให้กำลังใจกับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งต้องทำให้ดีต่อไป ส่วนจุดเกิดเหตุนั้นเป็นเส้นทางเดิมที่เจ้าหน้าที่ต้องลาดตระเวนเป็นประจำ
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า การพูดคุยสันติสุขกับกลุ่มผู้เห็นต่างยังเดินหน้าต่อไป ไม่ยุติ ส่วนการพูดคุย 2-3 ปีที่ผ่านมาที่ยังไม่ประสบความสำเร็จนั้น เพราะกลุ่มผู้เห็นต่างที่ทางมาเลเซียในฐานะผู้อำนวยความสะดวกติดต่อมา อาจจะยังไม่อยากเข้าสู่กระบวนการพูดคุยอย่างจริงจัง ซึ่งมีหลายกลุ่ม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง