นศ.แพทย์วางยาสุนัข ยังไม่ปรากกฏตัว หลังคณบดีศิริราช เรียกให้ข้อมูล ก่อนจะมีการประชุมคณาจารน์ที่เกี่ยวข้องในคณะ เพื่อหาแนวทางดำเนินการ
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุถึงกรณีที่มีข่าวว่าในวันนี้จะมีการเรียกประชุม ผู้เกี่ยวข้องถึงกรณีที่มีนักศึกษาของคณะแพทยศิริราช ปรากกฏเป็นข่าวทำทารุณกรรมสุนัขจนเสียชีวิต เพื่อหวังเอาเงินประกันจำนวน 4 หมื่นบาท จากบริษัทขนส่ง
ล่าสุด จะมีการเรียกตัวนักศึกษาแพทย์คนที่ปรากกฏในข่าว มาให้ข้อมูลเพื่อสอบถามในข้อเท็จจริง ก่อนจะมีการประชุมภายในคณะ โดยร่วมกับผู้บริหารคณะท่านอื่น เพื่อหาแนวทางในการดำเนินการต่างๆ ตามขั้นตอนปฏิบัติ โดยจะมีการแจ้งข้อมูลรายละเอียดและข้อสรุปผ่านทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ อีกครั้ง
ขณะที่บรรยากาศภายในคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ยังไม่ปรากกฏตัวนักศึกษาแพทย์รายดังกล่าวเข้าพบกับทางคณาจารย์ และไม่มีใครทราบว่าจะเข้าในวันและเวลาใด
ส่วนความคืบหน้าในคดีล่าสุด หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเชิญตัวเจ้าของสุนัข มาสอบปากคำในรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในช่วงเย็นวานนี้ โดยมีรายงานว่าในส่วนของเจ้าของสุนัขได้มีการยืนยันว่าได้ขายสุนัขตัวดังกล่าวที่ปรากกฏในข่าวให้แก่นักศึกษารายนี้จริง โดยขายสุนัขตัวแรกไปในราคา 7500 บาท โดยนักศึกษาแพทย์รายนี้ใช้วิธีการโอนเงินจำนวน 4 หมื่นบาท เข้าบัญชีเจ้าของฟาร์ม โดยให้เหตุผลว่า แฟนให้เงินมาซื้อสุนัข ในราคา 4 หมื่น แต่เห็นว่าแพงไปจึงมาหาซื้อในราคา 7500 กับทางเจ้าของฟาร์ม และจะนำเงินส่วต่างที่เหลือไปซื้อของใช้ต่างๆ รวมถึงฉีดวัคซีนให้กับสุนัข ซึ่งเมื่อโอนเงินแล้วเจ้าของฟาร์มก็ได้นำส่วนต่างคืนเป็นเงินสด แต่ในครั้งที่สอง ซื้อไปในราคา 6500 บาท แต่ในครั้งที่สองใช้วิธีการจ่ายเงินสดจำนวน 6500 บาท ให้กับเจ้าของฟาร์ม แต่ขอยืมเงินสดจำนวน 5 หมื่นบาท ของเจ้าของฟาร์มมาเพื่อนำมาโอนเข้าบัญชีของเจ้าของฟาร์ม โดยอ้างในลักษณะที่คล้ายกับครั้งแรก ซึ่งเจ้าของฟาร์มเห็นว่าเคยซื้อขายกันจึงยอม โดยนักศึกษาแพทย์ใช้สลิปฝากเงินมาเป็นหลักฐานที่ใช้เรียกค่าเสียหายกับทางบริษัทขนส่ง
สำหรับในส่วนของเจ้าของฟาร์มเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่พบว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิด และเบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะมีการออกหมายเรียกตัวนักศึกษาแพทย์รายนี้ในวันนี้ โดยเตรียมแจ้งข้อหาพยายามฉ้อโกง เนื่องจากความผิดในการฉ้อโกงยังไม่สำเร็จ และสำหรับในส่วนของความผิดเกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากความผิดในส่วนนี้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม