"ไม่หวังสื่อตะวันตกชอบแต่ขอบคุณที่เข้าใจ" จุฬาฯแถลงเดือด ย้ำรับความคิดต่าง ขอหยุดลำเอียง-โยงการเมือง
logo ข่าวอัพเดท

"ไม่หวังสื่อตะวันตกชอบแต่ขอบคุณที่เข้าใจ" จุฬาฯแถลงเดือด ย้ำรับความคิดต่าง ขอหยุดลำเอียง-โยงการเมือง

ข่าวอัพเดท : หลังเกิดกรณีการลงโทษทางวินัยแก่นิสิตรวม 5 คน ซึ่งรวมถึงนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล จากกรณีความวุ่นวายในกิจกรรมถวายสัตย์ปฏิญาณตนของมห จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,เนติวิทย์,ถวายสัตย์

4,123 ครั้ง
|
06 ก.ย. 2560
หลังเกิดกรณีการลงโทษทางวินัยแก่นิสิตรวม 5 คน ซึ่งรวมถึงนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล จากกรณีความวุ่นวายในกิจกรรมถวายสัตย์ปฏิญาณตนของมหาวิทยาลัย ซึ่งผลการลงโทษดังกล่าวทำให้นายเนติวิทย์และเพื่อนรวม 5 คน พ้นสภาพการเป็นสมาชิกสภานิสิตโดยปริยาย ทำให้เกิดการนำเสนอข่าวทั้งจากสื่อไทยและสื่อต่างชาติ
 
และในวันนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ต่อการนำเสนอข่าวเรื่องดังกล่าว โดยมุ่งประเด็นไปที่การนำเสนอข่าวของสื่อโดยเฉพาะสื่อตะวันตก เนื้อหาในแถลงการณ์ดังกล่าวใช้ถ้อยคำหนักแน่นกว่าแถลงการณ์ทุกฉบับที่ผ่านมา และเน้นย้ำว่าขอให้สื่อหยุดการเชื่อมโยงเรื่องนี้กับประเด็นทางการเมืองและการควบคุมความคิดต่าง รวมทั้งไม่คาดหวังให้สื่อตะวันตกเห็นชอบกับวิธีการของมหาวิทยาลัย แต่ขอบคุณที่รายงานข่าวด้วยความเข้าใจในจุดยืนของมหาวิทยาลัยที่มีอยู่
 
แถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
 
"เนื่องจากมีข้อเขียนและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในสื่อไทยและต่างประเทศเกี่ยวกับคำตัดสินลงโทษทางวินัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต่อกลุ่มนิสิตที่มีพฤติกรรมอันก่อให้เกิดความไม่เรียบร้อยในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตชั้นปีที่หนึ่งเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ.2560 
 
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจกับกิจการภายในของจุฬาฯ แต่ขออนุญาตอธิบายชี้แจงข้อมูลบางประการเพื่อให้พิจารณาเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
 
ประการแรก ในกรณีการลงโทษทางวินัยอื่นๆที่ผ่านมา จุฬาฯ มิได้เปิดเผยรายละเอียดคำตัดสินลงโทษต่างๆ ด้วยเกรงว่าจะส่งผลต่ออนาคตของนิสิตที่ถูกลงโทษ แต่ปรากฏว่าในกรณีนี้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จและบิดเบือนในสื่อต่างๆ ดังนั้นมหาวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องแถลงให้ทราบถึงข้อมูลที่ถูกต้อง โดยละเว้นการเปิดเผยรายชื่อของนิสิตที่เกี่ยวข้อง
 
ประการที่สอง จุฬาฯขอรับรองว่าการพิจารณาทางวินัยของกลุ่มนิสิตดังกล่าว เป็นไปตามขั้นตอน และกฎ ระเบียบตามปกติของมหาวิทยาลัย  ซึ่งระเบียบทางวินัยเช่นนี้มีในทุกมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิตมีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการพิจารณาที่เป็นอิสระ และดำเนินการในรูปแบบเดียวกันกับกรณีสอบสวนทางวินัยเรื่องอื่นๆ หากนิสิตไม่พอใจกับผลการตัดสินก็มีสิทธิอุทธรณ์ในลำดับต่อไปได้
 
ประการที่สาม ท่ามกลางเสียงวิพากษ์เกี่ยวกับความเป็นอนุรักษ์นิยมของมหาวิทยาลัย พร้อมคำวิจารณ์ว่า จุฬาฯ ไม่ได้เปิดกว้างสำหรับความคิดที่แตกต่าง ทางจุฬาฯ ขอย้ำว่ามหาวิทยาลัยเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างและพร้อมรับความแตกต่างนั้น พิธีการทั้งหมดภายในมหาวิทยาลัยเป็นกิจกรรมที่นิสิตเข้าร่วมโดยสมัครใจและมีสิทธิที่จะไม่เข้าร่วม โดยไม่มีผลเสียใด ๆ ต่อตัวนิสิต  แนวปฏิบัตินี้ใช้กับพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 สำหรับนิสิตชั้นปีที่หนึ่งทุกคน เพื่อแสดงความเคารพและปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าในฐานะผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยด้วย
 
นอกจากนี้ “การถวายบังคม” ยังเป็นรูปแบบการแสดงความเคารพที่ปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องสำหรับพิธีถวายสัตย์ฯต่อพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล โดยในปีนี้ ทางผู้จัดได้มีการกำหนดพื้นที่ในการแสดงความเคารพด้วยวิธีอื่นเช่น การถวายคำนับ สำหรับนิสิตที่มีข้อจำกัดด้านสภาพร่างกายที่เป็นอุปสรรคต่อการคุกเข่าและถวายบังคม และสำหรับนิสิตที่มีความเชื่อทางศาสนา ทัศนคติทางการเมือง และอุดมการณ์ที่ไม่เห็นด้วยกับวิถีปฏิบัตินี้ ทั้งนี้นิสิตที่เข้าร่วมพิธีในวันนั้นได้รับทราบถึงพื้นที่ที่ว่านี้อย่างทั่วถึง
 
กลุ่มนิสิตที่ถูกตัดสินลงโทษทางวินัยต่างก็ตระหนักดีว่า มีพื้นที่เฉพาะที่จัดไว้แล้ว ดังเห็นได้จากการที่นิสิตกลุ่มนี้ได้นำเสนอข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียในเชิงสนับสนุนให้มีพื้นที่เพื่อการถวายคำนับแทน อย่างไรก็ดี นิสิตกลุ่มนี้เลือกที่จะก่อให้เกิดความไม่เรียบร้อยในพิธีการโดยการเดินออกไปจากแถวที่จัดไว้สำหรับพวกเขาในฐานะสมาชิกสภานิสิตจุฬาฯ และแสดง “พฤติกรรมเชิงสัญลักษณ์”  โดยการยืนโค้งคำนับ ในขณะที่นิสิตคนอื่น ๆ นับพันคนถวายบังคมอย่างพร้อมเพรียงเป็นระเบียบ 
 
กลุ่มนิสิตที่ถูกตัดสินลงโทษทางวินัย มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่ขณะเดียวกัน ทุกชุมชนและสังคมมีสิทธิที่จะเรียกร้องมิให้การแสดงออกนั้นละเมิดสิทธิและความเชื่อของบุคคลอื่น โดยเฉพาะเมื่อการแสดงออกนั้นกระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์ ความอ่อนไหว และทำร้ายความรู้สึกของบุคคล  พิธีถวายสัตย์ฯ  แม้จะกำเนิดขึ้นมากว่า 20 ปี หลังการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล ในปี พ.ศ. 2534 แต่ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่า เป็นพิธีการศักดิ์สิทธิ์ของจุฬาฯ ซึ่งเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ระหว่างนิสิต เจ้าหน้าที่และนิสิตเก่า 
 
ในขณะนี้ ทางมหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการกระบวนการสอบสวนทางวินัยสำหรับอาจารย์ที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และได้การแสดงออกอย่างไม่สมควรยิ่งกับนิสิตคนหนึ่งในเหตุการณ์วันที่ 3 สิงหาคมดังปรากฏเป็นข่าวไปกว้างขวาง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียใจและน่าอับอายยิ่งสำหรับมหาวิทยาลัย แต่เป็นการกระทำของบุคคลเพียงคนเดียวและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับนโยบายของมหาวิทยาลัย  อาจารย์ท่านนี้ลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ไม่กี่วันหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
 
สุดท้ายนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้าใจว่าสื่อมีเสรีภาพในการนำเสนอข่าว แต่จุฬาฯ ใคร่ขอให้สื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้องเสนอข่าวด้วยความถูกต้อง ไม่ลำเอียง และเป็นธรรมต่อสถานการณ์ของจุฬาฯ การจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้ เป็นกิจการภายในที่ไม่ควรถูกเชื่อมโยงกับการแบ่งขั้วทางการเมือง และการควบคุมปราบปรามผู้เห็นต่าง ซึ่งมักนิยมใช้เป็นวาทกรรมและกรอบการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนทั้งในและนอกประเทศ
 
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีประวัติอันยาวนานที่ผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งความเชื่อและประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดกันมานี้อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากสำหรับผู้ที่ยึดถือในแนวคิดเสรีนิยมแบบตะวันตก แม้ว่าจุฬาฯ จะสนับสนุนความคิดเสรีนิยมและเสรีภาพในการแสดงออก แต่มหาวิทยาลัยก็มีรากฐานทางวัฒนธรรมและพันธกิจในการสร้างนิสิตที่เคารพในประเพณีปฎิบัติของสถาบัน ตลอดจนสิทธิเสรีภาพและความคิดของผู้อื่นด้วย จุฬาฯ ไม่คาดหวังให้สื่อตะวันตกเห็นชอบกับการตัดสินใจและวิธีการในเรื่องนี้ แต่เราขอขอบคุณท่านที่รายงานข่าวด้วยความเข้าใจต่อจุดยืนของมหาวิทยาลัย
 
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
4 กันยายน 2560"
 
ข่าวที่เกี่ยวข้องย้อนหลัง
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง