นายสุทธิศักดิ์ วรรณวินิจ รองผู้ว่าการฝ่ายกฎหมายและกรรมสิทธิ์ที่ดิน การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในฐานะรักษาการผู้ว่า กทพ. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการทางด่วนพิเศษอุดรรัถยา สายบางปะอิน-ปากเกร็ด วานนี้ (4 ก.ย.) ว่าในปี 2561 มีแนวโน้มอาจต้องปรับขึ้นอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ทางด่วน) จำนวน 2 เส้นทาง ได้แก่ ทางด่วนอุดรรัถยา สายบางปะอิน-ปากเกร็ด และทางด่วนศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) ซึ่งเป็นไปตามสัญญาที่ต้องปรับค่าผ่านทาง ทุก ๆ 5 ปี บนพื้นฐานอัตราเพิ่มของดัชนีราคาผู้บริโภค (อัตราเงินเฟ้อ) แต่จะปรับขึ้นจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่การคำนวณอัตราเงินเฟ้อ หากคำนวณแล้วมีผลให้ปรับเพิ่มไม่ถึง 5 บาท ก็จะไม่มีการปรับขึ้นค่าผ่านทาง แต่หากเกิน 5 บาท ก็ต้องปรับค่าผ่านทาง ซึ่งก็เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่ กพท. ถือปฏิบัติทุกครั้ง โดยถ้าจะต้องปรับขึ้นค่าทางด่วนทั้ง 2 เส้นทาง ก็จะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือน พ.ย. 2561 เป็นต้นไป
รายงานข่าวจาก กทพ. แจ้งว่า สำหรับทางด่วนอุดรรัถยา สายบางปะอิน-ปากเกร็ด ที่อาจปรับค่าผ่านทางขึ้นช่วงละ 5 บาท จากปัจจุบันช่วงแจ้งวัฒนะ-เชียงราก รถ 4 ล้อ 45 บาท, รถ 6-10 ล้อ 100 บาท, มากกว่า 10 ล้อ 150 บาท และช่วงเชียงราก-บางไทร รถ 4 ล้อ 10 บาท, รถ 6-10 ล้อ 20 บาท, มากกว่า 10 ล้อ 30 บาท
ส่วนทางด่วนศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) ที่อาจปรับขึ้นช่วงละ 5 บาทเช่นกัน จากอัตราผ่านทางในปัจจุบัน เช่น ด่านประชาชื่น 1 และ 2 รถ 4 ล้อ 15 บาท, 6-10 ล้อ 20 บาท, มากกว่า 10 ล้อ 35 บาท, ด่านประชาชื่น (ขาเข้า) รถ 4 ล้อ 60 บาท, 6-10 ล้อ 90 บาท, มากกว่า 10 ล้อ 140 บาท, และ ด่านประชาชื่น (ขาออก) รถ 4 ล้อ 10 บาท, 6-10 ล้อ 15 บาท, มากกว่า 10 ล้อ 30 บาท เป็นต้น
+ อ่านเพิ่มเติม