วันนี้ ( 23 ส.ค.60 ) จากกรณีพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง ที่ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ว่าหลังจากออกเวร จาก รพ.ตรัง เวลาประมาณ 16.30 น.ได้ขับรถยนต์ส่วนตัวจากตัวเมืองตรัง มุ่งหน้ากลับบ้าน ในพื้นที่ อ.กันตัง โดยใช้เส้นทางลัดขับมาถึงบริเวณถนน สนามบิน-บางหมาก หมู่ที่ 2 ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีอนามัยควนปริงไม่มากนัก ได้มีคนร้ายจำนวน 3 คนขับขี่รถจักรยานยนต์มาปาดหน้ารถเก๋งของตนเองก่อนทำทีว่าได้รับบาดเจ็บ แต่เมื่อเธอลงไปดู คนร้ายกลับใช้มีดและปืนขู่บังคับให้ขึ้นรถยนต์ พร้อมทำร้ายร่างกายตนเองโดยการใช้มีคัดเตอร์กรีดแขนซ้าย และใช้หมวกกันน็อคฟาดที่บริเวณท้ายทอยจำนวน 2 ครั้ง และตบหน้า 1 ครั้ง จนตนฟุบลงกับพวงมาลัยรถแล้วค้นเอาทรัพย์สิน จนได้เงินสดไป 7,000 บาท และสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง ซึ่งพอตนตั้งสติได้ก็รีบโทรบอกแม่และสามี ซึ่งรับราชการเป็นทหารยศนายสิบเอก ที่กองทัพภาคที่ 4 แล้วค้นเอาทรัพย์สิน เหตุเกิด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น
จากนั้นพยาบาลสาวคนนี้ได้นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโพสลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว ในเชิงเตือนภัยผู้หญิงที่ขับรถคนเดียวในระมัดระวัง โดยผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเห็นใจพยาบาลสาว และอยากให้ตำรวจจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายบ้านเมืองให้ได้ เพราะเป็นภัยอันตรายกับผู้หญิง บางคนก็ตั้งข้อสังเกตจากบาดแผลที่คนร้ายใช้มีดกรีดแขนพยาบาลว่า พยาบาลอาจจะสร้างเรื่องเท็จหรือไม่ หลังมีการนำเสนอข่าวสารออกไปก็มีผู้ที่ติดตามคดีนี้จำนวนมาก
ทั้งนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.เมืองตรัง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพยานหลักฐาน กลับพบว่าเรื่องดังกล่าวมีความผิดปกติเกิดขึ้นหลายประการ ทั้ง สถานที่เกิดเหตุที่ผู้เสียหายไม่สามารถจำได้แน่ชัดว่าจุดใดกันแน่ และการให้การที่ดูสับสน วกวน อีกทั้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรังและตำรวจเก็บพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยส่งไปตรวจและผลของการตรวจลายนิ้วมือที่พิสูจน์หลักฐาน 10 ปรากฏออกมาว่า ไม่มีลายนิ้วมือของคนร้ายในรถยนต์ นอกรถยนต์ ตามที่ผู้เสียหายยืนยัน เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อสันนิฐานว่า พยาบาลอาจจะสร้างเรื่องเท็จขึ้นมาหลอกใครคนใดคนหนึ่ง แล้วนำความเท็จมาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้สมจริงว่ามีการทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์เป็น เงิน 7,000 บาทและสร้อยคอทองคำ 1 เส้น ดังกล่าวหรือไม่
พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รองผกก.สอบสวน สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้เรียก พยาบาลสาวคนดังกล่าว มาทำการสอบสวนเพิ่มเติม เพราะมีพิรุธหลายอย่างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าจะมีมูลความจริง และในระหว่างสอบสวนเพิ่มเติม จนในที่สุด ได้รับสารภาพกับพนักงานสอบสวนว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่สร้างเรื่องขึ้นมาเพราะมีปัญหาครอบครัวกับสามี ที่ไม่สามารถทำความเข้าใจกันได้ จนเกิดความเครียดและกุเรื่องดังกล่าวขึ้น โดยไม่มีเจตนาให้ใครเดือดร้อน เพราะคิดว่าเป็นปัญหาส่วนตัวภายในครอบครัวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองในฐานะพนักงานสอบสวนก็รู้สึกเสียใจและเห็นใจพยาบาลคนนี้เป็นอย่างมาก ก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนและดำเนินการไปตามกฎหมาย
+ อ่านเพิ่มเติม