บรรยากาศการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของนายพลกฤต วิเศษ อดีตสิบเอกที่เป็นผู้ต้องหาคดีฆ่านางสาวพลอยนรินทร์ พลิผล หรือน้องพลอย ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและสระบุรี วันนี้มีนางพัชรี ปั้นทอง มารดาของนางสาวพลอยนรินทร์ บิดาของนางสาวพลอยนรินทร์ และบรรดาเพื่อนของนางพัชรีตามมาให้กำลังใจ รวมถึงสื่อมวลชนรอทำข่าวเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ก่อนการทำแผน นางพัชรี หรือแม่น้องพลอยระบุช่วงแรกว่า ไม่รู้จะพูดอะไรกับผู้ต้องหา ถึงพูดไปก็ไม่รู้ว่าเขาจะพูดกับเราหรือไม่ แต่ภายหลังแม่น้อยพลอยก็ระบุว่าคงไปถามอะไรกับผู้ต้องหาสักหน่อย ไม่ได้ทำร้าย และเมื่อถึงเวลาก็คงนึกคำถามได้ เมื่อวานไม่มีโอกาสได้เจอผู้ต้องหา มีแต่โอกาสชี้ตัว ถามท่านศรีวราห์บอกว่าให้เวลาวันนี้คุยกับผู้ต้องหาก็จะใช้ให้เต็มที่ ขอบคุณสื่อ ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ แม่อยู่ได้เพราะกำลังใจ และวันนี้ก็จะตามไปทุกจุดที่มีการทำแผน
ต่อมาเวลาราว 10.30 น. รถตู้นำผู้ต้องหามาถึงบริเวณจุดทำแผนจุดแรกที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด สื่อมวลชนถูกกันอยู่รอบบริเวณทำแผนเพื่อความรวดเร็วในการทำแผน มีการนำผู้ต้องหาขึ้นรถคันก่อเหตุก่อนนำตัวออกไปทำแผนยังจุดต่อไปอย่างรวดเร็ว
จุดต่อมาเป็นการทำแผนในพื้นที่ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ในเวลาประมาณ 11.10 น. เป็นจุดที่ผู้ต้องหาอุ้มนางสาวพลอยนรินทร์หรือน้องพลอยขึ้นรถไปพร้อมกับจักรยานของเธอ ซึ่งจุดนี้มีประชาชนมามุงดูการทำแผนพร้อมตะโกนโจมตีผู้ต้องหาด้วยความไม่พอใจเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเรียกร้องให้ประหารชีวิตผู้ต้องหา และหวิดจะมีความชุลมุนอยู่หลายครั้งเนื่องจากประชาชนและสื่อมวลชนพยายามเข้าไปใกล้รถผู้ต้องหา
ที่จุดนี้ บิดาและมารดาของนางสาวพลอยนรินทร์ยังได้พูดคุยกับผู้ต้องหา โดยพ่อของน้องพลอยกล่าวส่วนหนึ่งว่าตนเองรอคอยการกลับมาของลูกสาวมากว่าสามปี แล้วทำไมถึงทำ ส่วนแม่ของน้องพลอยถามว่าคำพูดสุดท้ายที่น้องพลอยพูดกับผู้ต้องหาคืออะไร ปรากฎว่าผู้ต้องหาจำไม่ได้ แต่ยอมรับว่าฆ่าน้องพลอยจริง พร้อมทั้งกล่าวขอโทษต่อพ่อและแม่ของน้อง ซึ่งระหว่างการพูดคุยผู้ต้องหาได้ร่ำไห้ด้วย
ต่อมาจุดที่ 3 เป็นจุดคลองชลประทานที่ผู้ต้องหานำโทรศัพท์มือถือของน้องพลอยมาทิ้งน้ำ และจุดที่ 4 ในอ.บ้านหมอ จ.สระบุรี เป็นจุดที่ผู้ต้องหาบีบคอน้องพลอย ผู้ต้องหาให้การว่าบีบคอเป็นเวลาราว 40 วินาทีที่เบาะหลังของรถจนน้องพลอยหมดสติและเสียชีวิต