จนท.สาว รพ.หนองคาย ถูก 'หนุ่มคล้ายป่วยทางจิต' ชกหน้าฟันหัก2ซี่ ก่อนลากไปข่มขืน ค้นประวัติสุดแสบเคยก่อเหตุฆ่าคนตายและข่มขืนมาก่อน
logo ข่าวอัพเดท

จนท.สาว รพ.หนองคาย ถูก 'หนุ่มคล้ายป่วยทางจิต' ชกหน้าฟันหัก2ซี่ ก่อนลากไปข่มขืน ค้นประวัติสุดแสบเคยก่อเหตุฆ่าคนตายและข่มขืนมาก่อน

70,145 ครั้ง
|
18 ก.ค. 2560
ผู้ช่วยคนไข้สาว โรงพยาบาลหนองคาย ถูกคนร้ายใช้หน้ากากอนามัยปิดหน้า ถือมีดข่มขู่ ก่อนชกใบหน้าจนฟันหักสองซี่ใบหน้าฟกช้ำลากตัวไปข่มขืนหลังโรงพยาบาล คนร้ายกระโดดปีนกำแพงรั้วหลบหนี ตำรวจเร่งไล่ล่า ออกหมายจับแล้วค้นประวัติสุดแสบเคยก่อเหตุฆ่าคนตายและข่มขืนมาก่อน
 
พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส ผกก.สภ.เมืองหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกตรวจสอบจุดเกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุทำร้ายร่างกายข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.เอ นามสมมติ อายุ 25 ปี  ผู้ช่วยเหลือคนไข้ โรงพยาบาลหนองคาย บริเวณซอกตึกด้านหลังอาคารสำนักงานซักฟอก ซึ่งเป็นตึกอยู่ด้านหลังของโรงพยาบาล โดย นพ.ศุภชัย จรรยาผดุงพงศ์ ผอ.รพ.หนองคาย นำเจ้าหน้าที่ร่วมตรวจสอบด้วย จากการตรวจสอบพบรอยคราบเลือดติดอยู่บริเวณผนังอาคารสำนักงานซักฟอกและขอบหน้าต่าง
 
 
นพ.ศุภชัย จรรยาผดุงพงศ์ ผอ.รพ.หนองคาย เผยว่า หลังตรวจที่เกิดเหตุว่าดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งว่ามีเจ้าหน้าที่ถูกทำร้ายร่างกาย จึงได้รีบเข้าตรวจสอบ ก็พบว่า น.ส.เอ ถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายใช้กำลังบังคับกระทำอนาจาร ชกใบหน้าจนฟกช้ำ ฟันหัก 2 ซี่ สภาพจิตใจบอบช้ำ จึงได้ให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะนี้อาการดีขึ้นแล้ว และทางโรงพยาบาลจะให้การดูแลอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยืนยันระบบการรักษาความปลอดภัยของทางโรงพยาบาลว่ามีมาตรการที่เข้มงวดแล้ว
 
จากการสอบถามและตรวจจากกล้องวงจรปิดภายในโรงพยาบาลพบว่า มีคนร้ายเป็นชายสวมกางเกงขาสั้น เสื้อคลุมสีเทา รองเท้าแตะ สะพายเป้สีดำ ใช้หน้ากากอนามัยปิดหน้า พกมีดเหน็บที่ขอบกางเกง เดินเข้ามาภายในตึกผู้ป่วยพิเศษ ช่วงเวลาประมาณ 19.59 น. แต่ระบบของโรงพยาบาลจะไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าอาคารหลัง 20.00 น. และในส่วนของเจ้าหน้าที่จะใช้ระบบคีย์การ์ดเข้าออก เมื่อคนร้ายได้เข้าไปในอาคารผู้ป่วยพิเศษและพยายามจะเข้าไปในส่วนปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ มีพยาบาลคนหนึ่งเห็นท่าทางไม่ค่อยดี จึงได้ล็อคประตูห้องไม่ให้คนร้ายเข้าไป พร้อมทั้งสอบถามว่ามาเยี่ยมใคร คนร้ายมีท่าทีลุกลี้ลุกลนบอกว่าจะมาเยี่ยมญาติ พยาบาลสังเกตเห็นพบมีดเหน็บอยู่ที่เอว จึงไม่อนุญาตให้เข้า จึงได้แจ้งให้ รปภ.ทราบ 
 
 
แต่ระหว่างที่ รปภ.กำลังจะเข้าไปเชิญตัวออกมา คนร้ายรีบวิ่งลงบันไดตึกมาก่อนแล้ว รปภ.ได้ออกตามหา ขณะเดียวกัน น.ส.เอ ได้เดินไปรับผ้าปูเตียงเพื่อมาเปลี่ยนที่เตียงคนไข้ จู่ ๆ คนร้ายก็วิ่งมาใช้มีดข่มขู่บังคับกระชากตัว น.ส.เอ พาไปยังซอกตึก พยายามจะข่มขืน น.ส.เอ ต่อสู้ขัดขืน แต่ก็ถูกชกเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง จนเกือบหมดสติ คนร้ายได้ลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นคนร้ายได้เดินออกมาจากซอกตึก รปภ. ที่ออกตามหามาเจอ ก็ได้ต่อสู้กับคนร้ายแต่จับตัวไว้ไม่ได้ และคนร้ายได้กระโดดปีนรั้วด้านหลังโรงพยาบาลหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ที่ออกตรวจได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ น.ส.เอ และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
 
ด้าน พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส ผกก.สภ.เมืองหนองคาย กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่สายตรวจได้รีบออกไปตรวจสอบและติดตามจับกุม โดยพบว่าคนร้ายได้วิ่งไปตามถนนเส้นหลังโรงพยาบาลและวิ่งไปถึงซอยท่าค่าย มีรอยเท้าเดินลงแม่น้ำโขง เจ้าหน้าที่ค้นหาอย่างละเอียดแต่ก็ยังไม่พบ เมื่อได้ออกตรวจสอบที่เกิดเหตุได้พบหลักฐานที่คนร้ายทิ้งไว้ คือ กางเกงขาสั้น กางเกงชั้นใน และกระเป๋าเป้ ซึ่งจากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่าก่อนเกิดเหตุ ชายต้องสงสัยตรงตามภาพของโรงพยาบาล ได้ไปที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งเพื่อไปซื้อการบูร แล้วเอามาทาอวัยวะเพศของตัวเองพร้อมกับพูดว่า “เงี่ยน” อยู่หน้าร้าน จากนั้นไม่นานก็ได้รับแจ้งเหตุ 
 
จากการสืบสวนของตำรวจ มั่นใจว่าคนร้ายคือ นายปุ้มปุ้ย เกษานุช อายุ 24 ปี  ซึ่งมีประวัติทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ติดคุก 1 ปี เมื่อปี 2558 จากนั้นเมื่อ พ.ค.2560 ได้ก่อเหตุข่มขืนหญิงคนหนึ่ง อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม และมาก่อเหตุซ้ำในครั้งนี้ โดยคนร้ายมีลักษณะคล้ายคนมีอาการป่วยทางจิต ซึ่งได้ออกหมายจับข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และ พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผบก.ภ.จ.หนองคาย ได้กำชับให้ติดตามจับกุมและไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเป็นคดีที่คนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจ ขณะนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ ประสานหน่วยงานข้างเคียงติดตามจับกุม แต่เนื่องจากนายปุ้มปุ้ย ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เร่ร่อนไปเรื่อย ๆ รวมถึงตรวจสอบว่ามีการลักลอบเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านด้วยหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด.
 
ภาพ มติชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง