ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 45 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน รอบชิงชนะเลิศ ช้างศึกทีมชาติไทย ลงสนามพบกับเบลารุส เกมนี้ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือช้างศึกจัด 11 ผู้เล่นชุดเดียวที่ถลามชนะเกาหลีเหนือ 3-0
เริ่มมาได้ 5 นาที เบลารุสทักทายก่อนจากการยิงนอกกรอบเขตโทษ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ บินเซฟปัดออกหลังไปได้
นาทีที่ 7 จากจังหวะสวนกลับ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยาได้ยิงหน้ากรอบเขตโทษ แต่ถูกผู้รักษาเบลารุสปัดออกมาหน้ากรอบเขตโทษ น่าเสียดายที่ไม่มีผู้เล่นไทยเข้าซ้ำ ก่อนที่กองหลังเบลารุสจะช่วยกันสกัดออกไป
ทีมไทยครองบอลเปิดเกมรุกเข้าใส่เบลารุสอย่างเห็นได้ชัด นาที 18 ธีราทร บุญมาทัน ครอสบอลขากด้านข้าง อดิศักดิ์ ไกรสร พุ่งโหม่งบอลข้ามคานชนิดได้ลุ้น
นาที 23 เบลารุสตอบโต้ขึ้นมาจากการยิงนอกกรอบเขตโทษ บอลข้ามคานออกไป
ช่วงท้ายเกม ทั้ง 2 ทีมเริ่มผ่อนเกมลง ก่อนจบครึ่งแรกเสมอกันที่ 0-0
ครึ่งหลังผ่านมา 15 นาที รูปเกมสูสี ฝั่งไทยครองบอลได้เยอะกว่า แต่จังหวะเข้าทำในพื้นที่สุดท้าย ยังไม่จะแจ้งเท่าที่ควร
นาที 64 โอกาสใกล้เคียงที่จะได้ประตูขึ้นนำของเบลารุส แต่ทว่าจังหวะสุดท้าย กองหลังไทยช่วยกันสกัดออกหลังไปได้หวุดหวิด
นาที 69 ไทยได้ฟรีคิกฝั่งซ้าย ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เปิดบอลได้เสียเข้ากรอบเขตโทษ ผู้รักษาประตูเบลารุส ออกมาชกบอลพ้นเขตอันตรายออกไปได้
ก่อนหมดเวลา 5 นาที เบลารุสเกือบได้ประตูขึ้นนำซาลาวี อาร์ทเซม ยิงจ่อๆ กวินทร์ ทุบบอลออกมาได้แต่ไปเข้าทางของชัวเชนก้า ยัวเอนี่ยิงบอลเข้าหน้าต่างอย่างน่าเสียดาย
นาทีสุดท้ายไทยได้ฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ปั่นโค้งๆ บอลหลุดเสาไปนิดเดียว
จบ 90 นาทีเสมอกันแบบไร้สกอร์ 0-0 ต้องดวลลูกจุดโทษตัดสิน ปรากฎว่า กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เซฟ 2 จุดโทษช่วยให้ทีมไทยเอาชนะเบลารุสไปในการดวลจุดโทษ 5-4 ป้องกันแชมป์คิงส์คัพ เอาไว้ได้อีก 1 สมัย
ส่วนคู่ชิงอันดับ 3 บูร์กิน่าฟาโซ ดวลจุดโทษชนะเกาหลีเหนือ 4-3 หลังเสมอกันในเวลา 90 นาที 3-3
ขอบคุณภาพจากเพจ ฟุตบอลทีมชาติไทย
+ อ่านเพิ่มเติม