ยิ่งลักษณ์ "ยิ้มสู้" ขึ้นศาลสืบพยานจำเลยจำนำข้าว นัด 15 ก่อนไตร่สวนนัดสุดท้าย 21 กรกฎาคมนี้ มั่นใจพยานปากสำคัญ ลั่นสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อยืนยันความบริสุทธ์ พร้อมขอบคุณมวลชนให้กำลังใจล้นหลาม แจงมีขอบเขต ตามกติกา คสช. ขออย่าตีความปลุกระดม
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางมายัง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามนัดไต่สวนพยานจำเลย นัดที่ 15 กรณีไม่ระงับ ยับยั้งโครงการจำนำข้าว จนเป็นเหตุให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท โดยในวันนี้มีการไต่สวนพยานจำเลย จำนวน 4 ปาก ทั้งนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี , นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี , นายภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่ง ชาติ หรือ สมช. และนายสุรชัย ศรีสารคาม อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก
ทั้งนี้นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวก่อนการขึ้นศาล ว่าใน 2 นัดที่เหลือ มีความมั่นใจ ในพยานทุกปาก เพราะแต่ละท่านมีประเด็น ที่จะขอนำสืบต่อศาล ซึ่งยังมีอีกหลายปาก และถือเป็นปากที่สำคัญ โดยก็หวังว่าจะได้นำพยานเข้าสืบชั้นศาลครบถ้วน ขณะที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นั้นถือเป็นพยานปากเอกหรือไม่นั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ระบุว่า เป็น 1 ใน คณะรัฐมนตรี. ซึ่งอยู่ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งหลังจากพ้นตำแหน่ง ก็น่าจะให้ข้อมูลภาพรวมได้ชัดเจน ส่วนจะมีการขอแถลงปิดคดีด้วยวาจา หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเวลา และดุลพินิจของศาล โดยขณะนี้ยังไม่ทราบ ต้องหารือกับทางทนายความอีกครั้ง
ทั้งนี้คิดว่าคดีจะจบลงได้เมื่อไหร่ นั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ขอให้นำพยานพิสูจน์ต่อศาลครบทุกปากก่อน โดยขึ้นอยู่กับระยะเวลาและคำถาม ซึ่งยังคงตอบไม่ได้ว่าจะจบเมื่อไหร่ ส่วนความคืบหน้า ของคดีรับผิดทางละเมิดนั้น ขณะนี้ได้ยื่นร้องต่อศาลปกครอง ซึ่งอยู่ในชั้นศาลระหว่างสองฝ่าย ที่จะต้องนำประเด็นมาต่อสู้
อย่างไรก็ตามขณะนี้ มีปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ตนเองจะเสนอแนวทางการแก้ไข รอรัฐบาลชุดปัจจุบันหรือไม่นั้น นางสาวยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ราคาสินค้าเกษตร และกลไกการตลาด จำเป็นต้องมีภาครัฐเข้าไปดูแล เพราะหากรัฐไม่เข้าไป ส่งเสริมเกษตรกร ก็จะเกิดปัญหาที่เป็นวงจรแบบนี้ โดยต้องเป็นนโยบายถาวร ไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะจุดได้ เพราะสิ่งสำคัญ ตนเองอยากเห็นการที่เกษตรกรสามารถช่วยเหลือตัวเองอย่างยั่งยืน และจะส่งผลมาต่อวงจรเศรษฐกิจภาพรวม
ส่วนกรณี ที่รัฐบาลออก พ.ร.ก. คนต่างด้าว จนทำให้แรงงานอพยพออกนอกประเทศจำนวนมากนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ภาคแรงงานถือเป็นส่วนสำคัญ เป็นอีกเซ็ตเตอร์หนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งนี้ต้องมีมาตรการและแผนรองรับ โดยส่วนตัวไม่ขอก้าวล่วง ขั้นตอนปฏิบัติ ของนายกรัฐมนตรี ต้องหารือทั้งระบบในส่วนของวิธีการและปริมาณ ในแง่ของการมีกฎหมายมารองรับและคำนึงถึงภาคอุตสาหกรรม ส่วนการปฏิรูปตำรวจ ตนเองขอไม่พูด เพราะเป็นฝ่ายพลเรือน ขอให้ ตำรวจคำนึงถึงการเป็นผู้ ทักสันติราษฎร์ ตระหนักถึงประชาชนเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ กรณีที่ มีการเปิดเผย 3 รายชื่อ ของผู้ที่มีแนวโน้มเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และปรากฎชื่อ ของ นางมณฑาทิพย์ โกมุท พี่สาวนางสาวยิ่งลักษณ์ นั้น ถือเป็นสิ่งที่ดี พี่สาวได้ยินคงตกใจ เพราะจริงๆแล้ว ไม่มีเจตนาเข้ามายุ่งการเมือง โดยส่วนตัวยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ส่วนพรรคเพื่อไทย จะผลักดัน บุคคนอื่น ที่ไม่ใช่คนในตระกูลชินวัตร เพื่อป้องกันการครหา พรรคของตระกูล หรือไม่นั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ระบุว่า ทุกท่านเป็นคนที่มีความสามารถ ซึ่งในพรรคก็มีกลไกคัดสรรอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ระบุว่าขณะนี้กฎหมายยังไม่เปิดช่องให้มีการประชุมคณะกรรมการพรรค ซึ่งหากมีความชัดเจนก็จะมีการพูดคุยหารือในรายละเอียด
ส่วนกรณีที่มีมวลชนมาให้กำลังใจ และฝ่ายความมั่นคงจับตาเป็นพิเศษ หวั่นเป็นการปลุกระดมมวลชน ก่อนใกล้เวลาศาลตัดสินนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชี้แจงว่า การที่ประชาชนมาให้กำลังใจที่หน้าศาล เป็นไปในลักษณะของความผูกพันที่มีต่อกัน ซึ่งถือเป็นการให้กำลังใจตามปกติ ขออย่าตีความเป็นอย่างอื่น ซึ่งตนเองพยายามสื่อสารไปยังประชาชน ว่าต้องอยู่ในขอบเขต กติกาตามคำสั่งศาล รวมถึงคำสั่งของคสช. เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองว่าไม่ได้ละเลยตามข้อกล่าวหา
ขณะที่บรรยากาศโดยรอบ บริเวณด้านหน้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีแกนนำพรรคเพื่อไทย และมวลชนมาให้กำลังใจอย่างล้นหลาม พร้อมส่งเสียง "เรารักปู" อย่างต่อเนื่อง ท่ามการมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ภาพ มติชน
+ อ่านเพิ่มเติม