สองแม่ลูกรุมกระทืบ-สาดน้ำร้อน แม่ค้าชานมไข่มุกบาดเจ็บสาหัส ติดต่อขอจ่ายเงินค่าเสียหาย 5000 บาท ผู้เสียหายยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วนทางคดีเบื้องต้น ตำรวจเตรียมเรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่าย มาแจ้งข้อกล่าวหาทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกาย
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “เจ๊เมย์ลูกแม่ค้าคลาสสิค” โพสต์ภาพและข้อความวิงวอนขอความช่วยเหลือจากตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมระบุข้อความ “ขอความช่วยเหลือหน่อยค่ะ” แม่หนูโดน ผ.ญ 2 คนเป็นแม่กับลูกเค้าเอาน้ำร้อนราดและเอาเหล็กและเก้าอี้ตี จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเหตุเกิดที่หน้าสนามกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่13 มิถุนายน 2560 “ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 26 มิ.ย.60 นางรัตนา บุญทา อายุ 43 ปี หรือ “ เจ๊แหม่มชาไขมุก “ ผู้เสียหายได้เล่าว่า วันเกิดเหตุช่วงโรงเรียนใกล้เลิก ตนและเพื่อนรวม 4 คน กำลังนั่งคุยกันถึงเรื่องการค้าขาย โดยเพื่อน ๆ แม่ค้า ซึ่งเพิ่งเริ่มค้าขายหาบเร่ แผงลอย ถามตนว่าที่หน้าสนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เขาจัดแบ่งพื้นที่ขายกันอย่างไร ตนตอบว่าทางเจ้าหน้าที่ เขาประกาศให้ทราบว่าใครมาก่อนก็เลือกที่วางขายได้ก่อน เขาไม่ได้จัดสรรพื้นที่แต่อย่างใด ตนพูดแค่นั้น แต่ทำให้ น.ส.ก้อย และ นางอู๊ด สองแม่ลูก ที่ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ใกล้ ๆ กับร้านของตนแสดงความไม่พอใจกล่าวหาว่าตนไปพูดจาแขวะเขา สองแม่ลูกจึงตรงเข้ามาต่อว่า รุมชี้หน้าด่าและพยายามจะเข้ามารุมทำร้าย ตนจึงคว้าไม้มาถือเพื่อป้องกันตัว แต่ตนยังไม่ได้ทำร้ายสองแม่ลูก กระทั่งสองแม่ลูก ตรงเข้ามาจิกผม ตบตีตน ส่วนนางอู๊ด ได้ใช้เก้าอี้พลาสติกฟาดตนอย่างไม่ยั้ง ขณะที่ น.ส.ก้อย ใช้เหล็กแป๊บตีศีรษะตนจนล้มลุกคลุกคลาน จากนั้น น.ส.ก้อย ใช้เท้าเหยียบคอตนไว้ ขณะเกิดเหตุเพื่อนๆ แม่ค้า ยกมือไหว้ขอร้องให้หยุดทำร้ายตน โดยบอกว่าสงสารพี่แหม่มพอแล้วอย่าทำอะไรแกอีกเลย แต่สองแม่ลูก ไม่หยุด กลับวิ่งไปคว้าหม้อน้ำร้อนมาเทราดบนตัวตน ตนหนีไปไม่ได้เพราะถูก น.ส.ก้อย เหยียบคอกดไว้ ได้แต่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแสบปวดร้อน นอกจากนี้สองแม่ลูกยังประกาศอีกว่าจะเอาให้ตาย หากมันยังไม่ตายก็จะตามฆ่าให้ตายให้ได้ ต่อมาชาวบ้านจึงแจ้งเหตุให้หน่วยกู้ภัย ฯ รับตนส่งโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นางรัตนา กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวน มาเยี่ยมตนที่โรงพยาบาล แต่ไม่ได้สอบปากคำใด ๆ พร้อมกับบอกว่าหากรักษาตัวจนหายเป็นปกติแล้ว ให้ตนไปพบที่โรงพัก เพราะเรื่องนี้ น.ส.ก้อย และ นางอู๊ด สองแม่ลูกแม่ค้าก๋วยเตี๋ยว ไปแจ้งความไว้แล้วในข้อหาทะเลาะวิวาท แต่ตำรวจไม่ได้มาสอบปากคำอะไรตน แม้ตนบาดเจ็บถูกพันด้วยผ้าก๊อตทั้งตัว แต่ตนมีสติยังให้การได้ เวลาผ่านมาหลายวันตนโทรไปสอบถามพนักงานสอบสวน และบอกว่าคดีนี้หากตำรวจยังไม่ดำเนินการอะไรให้ตนจะต้องสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ทางพนักงานสอบสวนมีอาการไม่พอใจและท้าทายว่าจะไปร้องที่ไหนก็เชิญตามสบาย นางรัตนา กล่าวด้วยน้ำตานองใบหน้าอีกว่า ตนถูกกระทำอย่างโหดร้ายทารุณ โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ถึงขนาดนี้ แต่ตำรวจไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลย ตนกลัวว่าคดีนี้จะไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่สำคัญคนร้ายสองแม่ลูกยังออกไปขายก๋วยเตี๋ยวที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนจึงให้ลูกสาวที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดผลัดเปลี่ยนเฝ้าตนอย่างใกล้ชิดเพราะคนร้ายสองแม่ลูกประกาศจะตามฆ่าให้ตาย ตนอยากจะกราบวิงวอนผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองโปรดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตนด้วยเถิด นางรัตนา กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุขณะที่ตนรักษาตัวที่โรงพยาบาล สองแม่ลูกแม่ค้าที่ทำร้ายตน ได้ให้ญาติติดต่อมากับตน เพื่อขอชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเงิน 5000 บาท แต่ตนปฏิเสธ พร้อมกับยืนว่าจะดำเนินคดีสองแม่ลูกให้ถึงที่สุด ส่วนการรักษา แพทย์แจ้งว่าอาจต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า 1 เดือน
ด้าน ร.ต.อ.อภินันท์ พลศร รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เจ้าของคดี กล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ได้ลงตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมสอบพยานที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนนางรัตนา บุญทา ผู้บาดเจ็บ ตนได้เดินทางไปเยี่ยมเพื่อจะสอบปากคำผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ทางแพทย์ให้ผู้บาดเจ็บนอนพักรักษาตัวห้องปลอดเชื้อ ซึ่งหากจะสอบสวนผู้บาดเจ็บภายในห้องปลอดเชื้อนั้น อาจไม่เหมาะต่อการทำงานของแพทย์และพยาบาล รวมทั้งคนป่วยคนอื่นที่พักรักษาตัวที่ห้องปลอดเชื้อ ตนจึงแจ้งญาติผู้บาดเจ็บว่าหากผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้นค่อยสอบปากคำ วันนี้ตนแจ้งคู่กรณีทั้งสองฝ่ายแล้วให้มาที่โรงพัก เบื้องต้นจะแจ้งข้อกล่าวหาทั้งสองฝ่ายในข้อหาทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกาย แต่ถ้าหากฝ่ายผู้บาดเจ็บ จะแจ้งข้อหาคู่กรณีเพิ่ม ตำรวจจะรวบรวมหลักฐานดำเนินการตามขั้นตอน แต่ยืนยันว่าตำรวจให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
+ อ่านเพิ่มเติม