รับมอบผู้ต้องหาวางระเบิด รพ.พระมงกุฎ เจ้าตัวสารภาพทำเพราะไม่ชอบ รบ.ทหาร ยันไม่รู้เห็นจดหมายขู่
logo ข่าวอัพเดท

รับมอบผู้ต้องหาวางระเบิด รพ.พระมงกุฎ เจ้าตัวสารภาพทำเพราะไม่ชอบ รบ.ทหาร ยันไม่รู้เห็นจดหมายขู่

ข่าวอัพเดท : ตำรวจรับมอบตัวผู้ต้องหาคดีระเบิด 6 จุดจากทหาร ก่อนคุมตัวมาทำประวัติและแถลงข่าว ด้านผู้ต้องหายันทำคนเดียว เหตุไม่พอใจรัฐบาลที่มาจากกา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า,ผู้ต้องหา,ระเบิด,ตำรวจ

9,173 ครั้ง
|
20 มิ.ย. 2560
ตำรวจรับมอบตัวผู้ต้องหาคดีระเบิด 6 จุดจากทหาร ก่อนคุมตัวมาทำประวัติและแถลงข่าว ด้านผู้ต้องหายันทำคนเดียว เหตุไม่พอใจรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารแต่ไม่ได้เกลียดทหาร ส่วนจดหมายขู่โรงพยาบาลยืนยันไม่มีส่วนรู้เห็น
 
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รับมอบตัวนายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 61 ปี อดีตวิศวกรไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน / ทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส / มีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง / มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและทำให้เสียทรัพย์ จากทหารมาให้ตำรวจ จากนั้นได้เชิญพยานบุคคลมาชี้ตัว นายวัฒนา ที่บริเวณชั้นเจ็ด อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อยืนยันตัวบุคคล ก่อนที่จะคุมตัวนายวัฒนามาที่บริเวณห้องกระจกชั้นสองเพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาและพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติ โดยมีทีมแพทย์โรงพยาบาลตำรวจมาตรวจร่างกาย ก่อนจะนำตัวมาแถลงข่าวที่ห้องประชุมศรียานนท์
 
การแถลงข่าวเริ่มขึ้นจากการเปิดวิดีทัศน์กระบวนการสืบสวนสอบสวน ซึ่งบรรยายถึงประเด็นวัสดุที่ใช้ประกอบระเบิด จากการสืบสวนพบว่ามีลักษณะคล้ายกันทั้ง 3 จุดที่เกิดเหตุในปี 2560 ทั้ง ตัวหน่วงเวลา, แผงวงจร และสวิตช์ เจ้าหน้าที่จึงเชื่อว่าผู้ประกอบระเบิดในแต่ละจุดเป็นบุคคลเดียวกัน
 
จากนั้นวิดีทัศน์บรรยายถึงการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด โดยเจ้าหน้าที่พบภาพผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิดในเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยวันเกิดเหตุพบว่าผู้ต้องสงสัยได้ขับรถยนต์มาที่การไฟฟ้าบางกรวยและหยิบถุงพลาสติกออกจากรถ ซึ่งในถุงมีแจกันดอกไม้ ก่อนขี่รถจักรยานมาต่อรถโดยสารสาธารณะเข้าไปที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าโดยใช้หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ก่อนเข้าไปในห้องวงษ์สุวรรณประมาณ 1 ชั่วโมง 33 นาที และออกมาก่อนเกิดเหตุระเบิดเพียง 10 นาที ซึ่งปรากฎภาพถือถุงพลาสติกแต่ไม่มีแจกันอยู่ด้านใน ก่อนเดินทางต่อไปที่เกาะราชวิถี อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และขึ้นรถโดยสารกลับไปที่การไฟฟ้าบางกรวย
 
ตำรวจสืบสวนจึงนำภาพผู้ต้องสงสัยที่ปรากฎในกล้องวงจรปิด และตรวจสอบป้ายทะเบียนรถยนต์ที่นำมาจอดในการไฟฟ้าบางกรวย จนพบว่าผู้ครอบครองรถยนต์คือบุตรชายของนายวัฒนา จึงได้สอบสวนและนำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านพักของนายวัฒนา พบวัตถุต้องสงสัยที่ใช้ประกอบระเบิดจึงได้ควบคุมตัวเอาไว้ นายวัฒนาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุวางระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าและจุดอื่นๆในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากการสอบสวนนายวัฒนาระบุว่าสาเหตุที่ลงมือเนื่องจากไม่ชอบรัฐบาลปฎิวัติ และรู้สึกเจ็บปวดต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่วัดปทุมวนาราม
 
วิดีทัศน์บรรยายต่อไปว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นยังตรงกับเหตุระเบิดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2550 บางคดี จึงมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดนับร้อยตัวจนได้หลักฐานสำคัญเป็นภาพวัตถุระเบิด จนสามารถกำหนดช่วงระยะเวลาที่เกิดเหตุได้ และสามารถจำกัดภาพบุคคลต้องสงสัยได้ก่อนนำไปสู่การตรวจค้น และพบพยานหลักฐานที่ยืนยันการกระทำผิดของนายวัฒนา และให้การอ้างไปถึงเหตุเมื่อปี 2550 ด้วย จึงขอศาลออกหมายจับ 5 คดี คือ เหตุระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา / เหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา / คดีระเบิดหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเก่า เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา / คดีระเบิดหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน ส่วนคดีระเบิดหน้ากองทัพบก / และซอยราชวิถี 24 เมื่อปี 2550 อยู่ระหว่างการขอหมายจับ
 
หลังจบวิดีทัศน์สรุปการสืบสวน ผบ.ตร. กล่าวว่าได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลเพิ่มเติมว่ามีผู้อื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ถ้ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงผู้ใดก็จะดำเนินการทั้งหมด แต่ขณะนี้นายวัฒนาสารภาพว่าลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจากนี้จะมีมาตรการป้องกันเหตุอย่างไร ผบ.ตร.ตอบว่าการป้องกันการก่อเหตุเพียงคนเดียวหรืออโลนวูฟป้องกันได้ยาก จึงต้องมีการทบทวนแผนป้องกันอีกครั้ง ขณะที่ พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันว่าการจับกุมครั้งนี้ไม่ผิดตัวและจะสืบสวนขยายผลต่อไป
 
ด้านนายวัฒนารับสารภาพอ้างว่าประกอบระเบิดและลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียวโดยไม่มีฝ่ายการเมืองสนับสนุนและไม่ได้เกลียดทหาร เมื่อถามถึงการมีส่วนร่วมในการชุมนุมทางการเมือง นายวัฒนายอมรับว่าเคยร่วมชุมนุมทางการเมืองทั้ง 2 ฝ่ายในฐานะประชาชน ส่วนการก่อเหตุทั้งในส่วนของปี 2550 และ 2560 มีแรงจูงใจเดียวกัน คือการไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารโดยไม่ได้มุ่งหวังเอาชีวิต และทุกครั้งที่ทำเพียงต้องการสร้างสัญลักษณ์และสะท้อนความไม่พอใจเท่านั้น อย่างไรก็ตามนายวัฒนาปฏิเสธที่จะให้เหตุผลถึงการเลือกลงมือก่อเหตุที่โรงพยาบาล แต่ได้ขอโทษผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน และไม่เกี่ยวข้องกับจดหมายขู่ที่ส่งไปยังโรงพยาบาลในละแวกเดียวกัน
 
เมื่อถูกถามว่าหากไม่ถูกจับจะก่อเหตุอีกหรือไม่ นายวัฒนาตอบว่าจะไม่ก่อเหตุแล้ว เนื่องจากการลงมือต้องใช้ผู้ที่มีทักษะค่อนข้างสูง แต่ก็ยืนยันว่าตนเองเป็นผู้ก่อเหตุคนเดียว ส่วนเรื่องจดหมายข่มขู่ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับตนเอง โดยเชื่อว่าการลงมือจะช่วยทำให้รัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติเห็นความสำคัญของคนกลุ่มรากหญ้าและจะเกิดความสันติขึ้น พร้อมชี้แจงว่าระหว่างถูกทหารควบคุมตัวได้รับการปฏิบัติอย่างดีไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด 
 
หลังจากจบการแถลงข่าวในเวลาประมาณ 14.00 น. ตำรวจจะควบคุมตัวนายวัฒนาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านพักย่านบางเขน / เมเจอร์รัชโยธิน และโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ส่วนจุดที่เหลือ จะนำไปทำแผนต่อในวันพรุ่งนี้
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง