ความคืบหน้าเหตุที่มีผู้ขับรถตู้พุ่งเข้าชนคนใกล้มัสยิดแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน ล่าสุดมีการยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ขณะที่หน่วยบริการฉุกเฉินของกรุงลอนดอนแถลงยอดผู้บาดเจ็บที่ต้องนำส่งโรงพยาบาล 8 คน และบาดเจ็บเล็กน้อยซึ่งให้การรักษา ณ ที่เกิดเหตุ 2 คน
อีกด้านมีรายงานว่าตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว เป็นชายวัย 48 ปี ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยชื่อแต่อย่างใด เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อประเมินสภาวะทางจิต และจะถูกส่งดำเนินคดีต่อไป และหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายก็กำลังดำเนินการสอบสวนคดีนี้อยู่
พยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์รายหนึ่งให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นว่า เห็นผู้ก่อเหตุลงจากรถ 3 คน ซึ่งผู้ที่อยู่แถวนั้นพยายามเข้าจับกุมผู้ก่อเหตุคนหนึ่งและสามารถส่งตัวให้ตำรวจได้ ส่วนผู้ก่อเหตุอีกสองรายที่เหลือหลบหนีไปได้ และพยานบอกว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้มีความพยายามจะหยุดรถก่อนจะพุ่งเข้าชนคนแต่อย่างใด และเขายังได้ยินเสียงเร่งเครื่องด้วย แต่ต่อมาตำรวจปฏิเสธคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวของพยาน โดยบอกว่าจากการสืบสวนในขณะนี้พบว่ามีผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียวเท่านั้น
จากนั้นมีการเปิดเผยภาพจากที่เกิดเหตุถึงรถตู้ที่ผู้ต้องสงสัยเลือกใช้ในการก่อเหตุ โดยเป็นรถตู้จากบริษัทเช่ารถแห่งหนึ่งในเวลส์ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นพยายามติดต่อบริษัทดังกล่าวเพื่อขอข้อมูลแต่บริษัทดังกล่าวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ ขณะที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์และเป็นผู้จับกุมคนร้ายส่งตำรวจเปิดเผยว่า เขาต่อสู้กับผู้ต้องสงสัยที่ลงจากรถตู้นานกว่า 10 นาทีกว่าจะส่งตัวให้กับตำรวจได้ และถูกผู้ต้องสงสัยกัดเข้าที่นิ้วมือด้วย และกล่าวว่าผู้ต้องสงสัยอยู่ในอาการก้าวร้าวและส่งเสียงตะโกนดังลั่น ส่วนอิหม่ามในพื้นที่ก็เข้าป้องกันผู้ต้องสงสัยจากการถูกรุมประชาทัณฑ์
ต่อมาเวลาราว 11.00 น.ตามเวลาในไทย นางเทเรซา เมย์ แถลงว่าตำรวจประกาศให้เหตุรถตู้พุ่งชนคนที่เกิดขึ้น เป็น "การก่อการร้าย" และจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการด้านความมั่นคง หรือ COBRA เป็นการฉุกเฉิน พร้อมทั้งแสดงความห่วงใยต่อเหยื่อ ครอบครัวของเหยื่อ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เข้าระงับเหตุ
ด้านสภามุสลิมแห่งบริเตน องค์กรชาวมุสลิมในสหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์ระบุว่าช่วงที่ผ่านมาชาวมุสลิมต่างอดทนต่อเหตุร้ายที่เกิดขึ้นจากภาวะความเกลียดกลัวชาวมุสลิม หรือ "Islamophobia" และเหตุการณ์ในครั้งนี้นับว่ารุนแรงที่สุด ทั้งนี้ชาวมุสลิมกำลังจะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของเดือนรอมฎอน และจะมีการเฉลิมฉลองในเทศกาลอีดิ้ลฟิตรีซึ่งชาวมุสลิมจะเดินทางไปยังมัสยิดใกล้บ้าน จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เพิ่มการรักษาความปลอดภัยภายนอกมัสยิดอย่างเร่งด่วน ส่วนมัสยิดที่เกิดเหตุก็ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุ พร้อมทั้งแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งที่สื่อกระแสหลักไม่รายงานการโจมตีในครั้งนี้
(ภาพจากสำนักข่าว CNN)
+ อ่านเพิ่มเติม