รองผบ.ตร.แถลงคดีขนอาวุธสงคราม ‘พ.อ.องภคิน’ เผยขนมาขายกะเหรี่ยง

         พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้พลตำรวจเอกศรีวรา รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้บริการศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างมีหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการสืบสวนสอบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดตามนโยบายดังกล่าววันนี้ 5 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา

             เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทหารหรือเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดและชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่สามพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ตชด.ได้ร่วมกันจับกุมตัว พ.อ.อ.ภคิน เดชพงษ์ อายุ 40 ปี นายพิสิษฐ์ (สิด) อายุ29ปี ชาวกัมพูชา ที่อ้างว่าเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา และนายจักรพงษ์ หรือ คิง ไกรเรียง อายุ 37ปี พบของกลางเป็นอาวุธสงครามประกอบด้วย อาวุธปืนยาวอาก้าแบบพับฐาน อาวุธปืนยาวอาก้าแบบพารท้ายยาว อาวุธปืนกลขนาด 7.62 มม. ลำกล้องอะไหล่ปืนกลขนาด 7.62มม. ซองบรรจุกระสุนปืนเอ็ม 16 ซองบรรจุกระสุนปืนกล ลูกกระสุนปืนอาก้า ลูกเบี้ยวปืน ลูกกระสุนปืนเอ็ม 79 ลูกระเบิดขว้าง ลูกกระสุนปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ลูกกระสุนปืนขนาด 9 มม.  ป้ายทะเบียนรถยนตร์ เงินสด จำนวน 9093 บาท บัตรประจำตัว กอ. รมน. ระบุชื่อ พ.อ.อ. ภคิน เดชพงษ์ และรถกระบะที่ผู้ต้องหาที่ 1 ใช้ในการขนอาวุธสงคราม

            จากการสอบสวน พ.อ.องภคิน ให้การยอมรับสารภาพว่า ซื้ออาวุธสงครามดังกล่าวมาจกาประเทศกัมพูชา โดยมีคนนำมาส่งให้ และขนผ่านมาสนฝั่งไทย โดยไม่มีการตรวจเนื่องจากใช้รถตรากงจักรคล้ายรถทหาร โดยจะนำอาวุธดังกล่าวไปส่งขายให้กับกะเหรี่ยงที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และสารภาพอีกว่า ทำมาแล้วรวมครั้งนี้ 3ครั้ง

             สำหรับทะเบียนรถไปหาซื้อทะเบียนเป็นของเก่าจากร้านที่สะพานเหล็ก เปลี่ยนทะเบียนจริงออก โดยบอกว่าทำเพียงคนเดียวไม่มีใครเกีย่วข้อง ส่วนชาวกัมพูชสและชาวไทยอีก 2คน ที่ถูกจับกุมด้วย แค่มาจอดรถดูเหตุการณ์เท่านั้น หลังจากนั้นจึงนำตัวไปฝากขังยังเรือนจำจ.ตราดต่อไป
           

            พล.ต.อ.ศรีวรา รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. บอกว่าตำรวจไม่เชื่อว่าทำคนเดียว แต่ต้องใช้กระบวนการสืบสวน สอบสวน โดยแจ้งดำเนินคดีกับสามผู้ต้องหา คือร่วมกัน มีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต สำหรับการไม่นำตัวอีกสองคนมาแถลงข่าว รอง ผบ.ตร.บอกว่า ทั้งสองคนไม่ยินยอม จึงไม่สามารถนำมาแถลงข่าวได้

            ส่วนอาวุธทั้งหมดผลิตในประเทศรัสเวีย ส่วนรถยนต์แและผู้ต้องหาอีกคน ปรากฏว่าขออนุญาตเข้ามาถูกต้องตามกฎหมายเมื่อวันที่ 1 มิย ซึ่งกำลังสอบปากคำว่าเชื่อมโยงด้านการค้าอาวุธดังกล่าวหรือไม่