สนามบินน่านวุ่น หญิงสาวพูดหนักระเบิด จนท.ตักเตือน อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์
logo ข่าวอัพเดท

สนามบินน่านวุ่น หญิงสาวพูดหนักระเบิด จนท.ตักเตือน อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์

11,054 ครั้ง
|
22 พ.ค. 2560

           ในช่วงบ่ายวันนี้ เกิดความวุ่นวายขึ้นที่ท่าอากาศยานน่านนคร หรือสนามบิน จ.น่าน เมื่อผู้โดยสารพูดเล่นกับเพื่อนว่าสงสัยที่กระเป๋าหนักเพราะหนักระเบิด

            โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.30 น. เมื่อผู้โดยสารหญิงสายการบินแอร์เอเชียเที่ยวบินที่ FD 3557 น่าน-กรุงเทพ ได้พูดกับเพื่อนขณะกำลังชั่งน้ำหนักประเป๋าผ่านเข้าจุดตรวจผู้โดยสารขาออกว่า กระเป๋าหนักมากน่าจะเป็นเพราะระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติงานในจุดตรวจได้ยิน จึงรายงานตามแผนรักษาความปลอดภัย จากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้าควบคุมตัวหญิงสาวคนดังกล่าวไปสอบสวนและขอตรวจค้น เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่สนามบิน ผู้โดยสาร และประชาชนที่อยู่ในบริเวณท่าอากาศยานตื่นตกใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังให้ผู้โดยสารที่ขึ้นไปบนเครื่องบินแล้วลงจากเครื่อง เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด

            นายเรืองยุทธ นิตยานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานน่านนคร เผยว่า ผู้โดยสารคนดังกล่าวเดินทางมาเป็นหมู่คณะ โดยมีกำหนดเดินทางจากท่าอากาศยานน่านนคร ไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อไปต่อสายการบินไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฏร์ธานี ขณะกำลังนำกระเป๋าชั่งน้ำหนักเพื่อนำขึ้นเครื่องบินและอยู่ระหว่างรอการผ่านเข้าจุดตรวจผู้โดยสารขาออก ได้มีพูดคุยล้อเล่นกันว่ากระเป๋าหนักมากน่าจะเป็นเพราะระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าจุดตรวจดังกล่าวได้ยิน จึงรายงานตามแผนรักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้าควบคุมตัว ขอตรวจค้นและนำตัวสอบสวน

            จากการสอบสวนสวนทราบว่าได้พูดเล่นกันไปโดยความคะนองปาก รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่มีเจตนาที่จะกระทำการให้บุคคลอื่นเข้าใจผิด หรือตกใจกลัวแต่อย่างใด จึงพิจารณาให้ทำบันทึกรายงานและว่ากล่าวตักเตือนก่อนปล่อยตัวไป อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ลักษณะนี้ถือเป็นครั้งแรกของท่าอากาศน่านนคร ที่ต้องมีการตรวจสอบเรื่องระเบิด ซึ่งแม้จะเป็นการพูดคุยเล่นก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งได้ยกระดับสูงสุดตามนโยบายสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

            นายเรืองยุทธ จึงขอเตือนประชาชนที่มาใช้บริการ ขอให้ระมัดระวังเรื่องการพูดหรือแสดงถึงสิ่งของต้องห้าม ซึ่งหากมีเจตนาหรือเข้าขั้นตอนการปฏิบัติแล้วอาจมีความผิดตามกฎหมายและมีโทษสูงสุดได้

 

ที่มา:ข่าวสด